https://li01.tci-thaijo.org/index.php/apheitoffice_science/issue/feedAPHEIT Journal (SCIENCE and Technology)2021-12-29T10:44:18+07:00นางสาวเพชรราตรี เฉพาะตนapheitoffice@gmail.comOpen Journal Systemshttps://li01.tci-thaijo.org/index.php/apheitoffice_science/article/view/251576ระบบสารสนเทศเพื่อการวัดผลการปฏิบัติงานด้วยดัชนีชี้วัดหลัก2021-12-29T10:44:14+07:00สิตา ทัพมงคลsita@nmc.ac.th<p><strong>งานวิจัยนี้ได้พัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อการวัดผลการปฏิบัติงานด้วยดัชนีชี้วัดหลัก ในรูปแบบของแอปพลิเคชันที่ใช้งานผ่านบราวเซอร์ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อการวัดผลการปฏิบัติงานด้วยดัชนีชี้วัดหลัก และ 2) ประเมินประสิทธิภาพของระบบด้วยวิธีการวิจัยและพัฒนา โดยประยุกต์ใช้กรอบแนวคิดการพัฒนาระบบสารสนเทศแบบวงจรชีวิต (System development life cycle: SDLC) ใช้ MySQLi เป็นระบบฐานข้อมูล ใช้ HTML5, <em>JavaScript</em><em> และ </em>PHP8 สำหรับเขียนโค้ดโปรแกรมในส่วนต่อประสานงานกับผู้ใช้ (User Interface) กลุ่มตัวอย่างได้ใช้วิธีการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) ซึ่งเป็นบุคลากรของบริษัทนครชัยทัวร์จำกัด ตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายที่ทำหน้าที่เป็นผู้วัดผลการปฏิบัติงานด้วยดัชนีชี้วัดหลักของพนักงานในสังกัด จำนวน 38 ส่วนงาน ทั้งหมด 38 คน ทำการทดสอบและประเมินประสิทธิภาพของระบบโดยใช้แบบสอบถาม ผลการวิจัยพบว่า ประสิทธิภาพของระบบสารสนเทศเพื่อการวัดผลการปฏิบัติงานด้วยดัชนีชี้วัดหลักอยู่ในระดับดีมาก สามารถนำไปใช้ประเมินผลการปฏิบัติงานด้วยดัชนีชี้วัดหลักของพนักงานได้ และควรนำไปพัฒนาและขยายผล เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการประเมินผลการปฏิบัติงานต่อไป</strong></p>2021-12-24T00:00:00+07:00Copyright (c) 2021 APHEIT Journal (SCIENCE and Technology)https://li01.tci-thaijo.org/index.php/apheitoffice_science/article/view/251577ปัจจัยทำนายการเกิดภาวะออกซิเจนในเลือดต่ำในผู้ป่วยหลังผ่าตัดจากการระงับความรู้สึกแบบทั่วร่างกาย2021-12-29T10:44:15+07:00อัชฌาณัฐ วังโสมatchanat.wa@rsu.ac.thอุษา วงษ์อนันต์atchanat.wa@rsu.ac.thประไพ ผลอินatchanat.wa@rsu.ac.thอำภาพร นามวงศ์พรหมatchanat.wa@rsu.ac.thน้ำอ้อย ภักดีวงศ์atchanat.wa@rsu.ac.th<p>การวิจัยแบบบรรยายเชิงทำนายนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์และทำนายการเกิดภาวะออกซิเจนในเลือดต่ำในผู้ป่วยหลังผ่าตัดจากการระงับความรู้สึกแบบทั่วร่างกาย กลุ่มตัวอย่างเป็นเวชระเบียนของผู้ป่วย ณ โรงพยาบาลกระทุ่มแบน ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ถึง เดือนตุลาคม 2560 เลือกแบบเฉพาะเจาะจง เป็นผู้ที่มีและไม่มีภาวะออกซิเจนในเลือดต่ำ จำนวน 163 และ 329 ราย ตามลำดับ รวบรวมข้อมูลจากแบบบันทึกข้อมูลส่วนบุคคล ข้อมูลเกี่ยวกับการระงับความรู้สึก ข้อมูลการผ่าตัดและค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนเลือด วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงบรรยาย ไคสแควร์ และวิเคราะห์การถดถอยโลจิสติกทวิ</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์และทำนายการเกิดภาวะออกซิเจนในเลือดต่ำอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ได้แก่ 1) ปัจจัยด้านผู้ป่วย ประกอบด้วย วัยสูงอายุ (OR 9.161, 95%CI 3.392-24.741) ภาวะโภชนาการระดับอ้วน (OR 16.770, 95%CI 3.798-74.038) การสูบบุหรี่ (OR 3.559, 95%CI 1.204-10.526) สภาพก่อนระงับความรู้สึก ASA ระดับ 3 (OR 11.603, 95%CI 2.882-46.709) และอุณหภูมิร่างกายก่อนผ่าตัด (OR 0.220, 95%CI 0.068-0.709) 2) ปัจจัยด้านการระงับความรู้สึกมีเพียงระยะเวลาระงับความรู้สึก 121-180 นาที (OR 38.967, 95%CI 10.153-149.553) และ 3) ปัจจัยด้านการผ่าตัด ประกอบด้วย ปริมาณสารน้ำที่ได้รับทดแทนทางหลอดเลือดดำจำนวนมากกว่า 2,000 มิลลิลิตร (OR 95.190, 95%CI 4.704-1926.337) และได้รับเลือดทดแทน (OR 6.173, 95%CI 1.900-20.052) โดยร่วมทำนายการเกิดภาวะออกซิเจนในเลือดต่ำร้อยละ 66.0 ข้อเสนอแนะจากผลการวิจัย วิสัญญีพยาบาลควรเฝ้าระวังการเกิดภาวะออกซิเจนในเลือดต่ำในผู้ป่วยที่สูงอายุ ภาวะอ้วน ประวัติการสูบบุหรี่และได้รับการผ่าตัดเป็นระยะเวลานานกว่า 120 นาที </p>2021-12-24T00:00:00+07:00Copyright (c) 2021 APHEIT Journal (SCIENCE and Technology)https://li01.tci-thaijo.org/index.php/apheitoffice_science/article/view/252095The Encryption and Decryption of Image File Transfer by Chaos2021-12-29T10:44:16+07:00Chart Rithirunhart20052548@yahoo.comChanuan Uakarncuakarn@gmail.comAnuchit Charoenanuchit.cha@kbu.ac.th<p>This paper presented techniques and methods for applying mathematical equations and chaos theory for encryption and decryption of image file. Research purposes were 1) to study encryption and decryption of image files with Chaos and Chua's Equation, 2) to study the theory of Chaos and apply it in Image Processing, and 3) to study the methods of encryption and decryption and the complexity of the Chaos number system. Chaos theory of chaotic equations was applied in this study to create a pattern of random numbers. Then arranged them in the form of a matrix array, with the dimensions of this matrix in pixels, equal to the dimension of the image file in pixels to be encrypted for receiving a new image file with a chaos mathematical equation being added. This process created the new image file to be encrypted with a chaos equation. It was the output file for forwarding to anyone. To view this file, it needed decryption the encrypted image files with a decryption key from the sender. If the encryption of the key was incorrect, the sent image could not be viewed. The advantage of the encryption and decryption of image files, with the chaos equation, is not complexity. It will manually generate unique random numbers that can not be duplicated. Therefore, the encryption and decryption have very high data security.</p>2021-12-24T00:00:00+07:00Copyright (c) 2021 APHEIT Journal (SCIENCE and Technology)https://li01.tci-thaijo.org/index.php/apheitoffice_science/article/view/252567ระบบลงทะเบียนและตรวจสอบนักศึกษาเข้าห้องเรียนด้วยหลักการประมวลผลภาพร่วมกับเทคนิคการรู้จำใบหน้า2021-12-29T10:44:17+07:00เอกรัตน์ สุขสุคนธ์ekk_ele@hotmail.com<p>การวิจัยและพัฒนาระบบลงทะเบียนใบหน้าและตรวจสอบนักศึกษาเข้าห้องเรียน ด้วยหลักการประมวลผลภาพ ร่วมกับเทคนิคการรู้จำใบหน้า ศึกษาแนวคิด หลักการ และทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับการรู้จำใบหน้า งานวิจัยนี้ใช้กระบวนการทดสอบประสิทธิภาพของระบบรู้จำใบหน้าของนักศึกษาโดยการเปรียบเทียบภาพใบหน้าของนักศึกษา กับภาพต้นฉบับที่ลงทะเบียนในระบบ จากนั้นเข้าสู่กระบวนการเตรียมภาพสำหรับการทดลอง เพื่อสร้างฐานข้อมูลภาพใบหน้าของนักศึกษา และนำมาเปรียบเทียบกับภาพใบหน้าจากฐานข้อมูล โดยทดลองใช้อัตราการสุ่มของจำนวนภาพใบหน้าที่แตกต่างกัน จากผลการทดลอง พบว่า การสุ่มบันทึกภาพใบหน้าของนักศึกษา จำนวน 100 ภาพต่อนักศึกษา 1 คน ได้ผลการทดลองที่แม่นยำที่สุด โดยระบบรู้จำใบหน้าของนักศึกษาสามารถระบุตัวตนของนักศึกษาได้ถูกต้องแม่นยำที่ร้อยละ 92 สามารถดูข้อมูลย้อนหลังของนักศึกษาในการเข้าห้องเรียน และสามารถนำข้อมูลออกมาใช้งานในรูปแบบของไฟล์เอกสาร ผลจากผู้ตอบแบบสอบถามความพึงพอใจของผู้ทดลองใช้ระบบอยู่ในเกณฑ์ที่พึงพอใจมากถึงมากที่สุด</p>2021-12-24T00:00:00+07:00Copyright (c) 2021 APHEIT Journal (SCIENCE and Technology)https://li01.tci-thaijo.org/index.php/apheitoffice_science/article/view/253319การพัฒนารูปแบบคลินิกหมอครอบครัวเครือข่ายโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลสามบัณฑิต อำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา2021-12-29T10:44:18+07:00พัฒนา พรหมณีanattap1@hotmail.comอภิชัย คุณีพงษ์apichai@vru.ac.thมาโนชญ์ ชายครองmanoch.taw@gmail.com<p>การวิจัยเพื่อพัฒนานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสถานการณ์ สภาพและปัญหาการดำเนินงาน<br>2) ศึกษาการรับรู้ของทีมคลินิกหมอครอบครัวต่อนโยบายการดำเนินงานพัฒนาคลินิกหมอครอบครัวของกระทรวงสาธารณสุข 3) พัฒนารูปแบบคลินิกหมอครอบครัวเครือข่าย และ 4) ศึกษาผลการทดลองใช้รูปแบบ ผู้ให้ข้อมูลสำคัญ เจาะจงเลือกจากผู้เกี่ยวข้องในการดำเนินงาน 16 คน ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ครอบครัว 19 คน ทีมผู้ปฏิบัติงาน 14 คน และคณะกรรมการพัฒนาระบบสุขภาพระดับอำเภอ 12 คน ใช้การสนทนากลุ่ม (focus group)และแบบสอบถามในการเก็บข้อมูล ประกอบด้วย 1) การสนทนากลุ่มเพื่อศึกษาสถานการณ์และสภาพปัญหา 2) การสนทนากลุ่มเพื่อศึกษาการรับรู้ของทีมคลินิกหมอครอบครัว 3) การสนทนากลุ่มเพื่อพ้ฒนารูปแบบ 4) การสนทนากลุ่มเพื่อศึกษาผลการทดลองใช้รูปแบบ และ 5) การใช้แบบสอบถามเพื่อประเมินความเหมาะสมของรูปแบบ วิเคราะห์ข้อมูลด้วยการวิเคราะห์เนื้อหา ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน<br>ผลการศึกษาพบว่า 1) สำนักงานสาธารณสุขอำเภออุทัยร่วมกับโรงพยาบาลอุทัย จัดบริการสาธารณสุขในรูปของคณะกรรมการประสานงานสาธารณสุขระดับอำเภอ พบปัญหาการขาดแคลนแพทย์ การดำเนินงานไม่สอดคล้องกับบริบทพื้นที่ มีความต้องการสร้างรูปแบบการดำเนินงานเป็นแบบเครือข่าย 2) ทีมคลินิกหมอครอบครัวรับรู้นโยบายภาครัฐที่ให้บริการตามกลุ่มเป้าหมายหลัก มีบทบาทชัดเจน รับรู้ว่าทีมหมอครอบครัวประกอบด้วยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและทีมสหวิชาชีพ 3) รูปแบบที่พัฒนาประกอบด้วย (1) วัตถุประสงค์ (2) หลักการ (3) ขั้นตอน 9 ขั้นตอน ผลการประเมินรูปแบบมีความเหมาะสมในระดับดี 4) ผลการดำเนินงานมีการให้บริการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมทั้งเชิงรับและเชิงรุกโดยชุมชนมีส่วน</p> <p> </p>2021-12-29T00:00:00+07:00Copyright (c) 2021 APHEIT Journal (SCIENCE and Technology)