https://li01.tci-thaijo.org/index.php/joacmu/issue/feed Journal of Agricultural Research and Communications 2025-09-30T11:09:03+07:00 รองศาสตราจารย์ ดร.ณัฐา โพธาภรณ์ agjournal22@gmail.com Open Journal Systems <p> "<strong>Journal of Agricultural Research and Communications</strong>" เป็นวารสารวิชาการของคณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่<br /> โดยวารสารออกราย 4 เดือน (มกราคม พฤษภาคม และกันยายน) เพื่อเผยแพร่<br /> ความรู้ทางวิชาการด้านการเกษตร และสาขาที่เกี่ยวข้อง ทั้งจากภายในและภายนอก<br /> มหาวิทยาลัย</p> <p> <br /><strong> <a href="https://tci-thailand.org/" target="_blank" rel="noopener">ศูนย์ดัชนีการอ้างอิงวารสารไทย (TCI)</a></strong></p> <p><strong> </strong><strong><a href="https://www.kmutt.ac.th/jif/Impact/impact_s.php" target="_blank" rel="noopener">Thai-Jounal Impact factor ประจำปี 2561 = 0.701</a></strong></p> https://li01.tci-thaijo.org/index.php/joacmu/article/view/265889 สภาวะที่เหมาะสมในการผลิตเซลลูโลสจากกากส้มโดย <I>Acetobacter xylinum</I> 2025-01-06T12:19:23+07:00 สุภเวท มานิยม supavej3117@gmail.com เสถียร บุญก้ำ aunbiot@hotmail.com สิริวัฒน์ จินศิริวานิชย์ siriwat.jin@cmu.ac.th พัชรีย์ พัฒนากูล mrsupavej@gmail.com <p>วัตถุประสงค์ในการศึกษาในครั้งนี้คือ ต้องการหาความเข้มข้นที่เหมาะสมของน้ำตาลแมนนิทอล (3 - 7 เปอร์เซ็นต์) และยีสต์เอ็กแทรกท์ (0.3 - 0.7 เปอร์เซ็นต์) รวมถึงอัตราการเขย่าที่เหมาะสม (0, 50, 100 และ 150 รอบต่อนาที) ในการผลิตเซลลูโลสจากกากส้มโดย <em>Acetobacter xylinum</em> และตรวจคุณภาพด้านอื่น ๆ ของเซลลูโลสและน้ำหมัก โดยพบว่า การเลี้ยง <em>A. xylinum </em>จากอาหารที่ทำจากกากส้มที่เติมน้ำตาลแมนนิทอล 3 เปอร์เซ็นต์ และยีสต์เอ็กซ์แทรกท์ 0.66 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ได้ปริมาณเซลลูโลสสูงสุดเท่ากับ 25.31 กรัม(จากกากส้ม 30 กรัม) การเติมน้ำตาลแมนนิทอลและยีสต์เอ็กซ์แทรกท์ในปริมาณที่แตกต่างกันส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงค่าสี L*, a*, b* และปริมาณความชื้นของแผ่นเซลลูโลส ที่ได้รวมถึงปริมาณน้ำตาลรีดิวซ์ ค่าของแข็งที่ละลายได้ และปริมาณกรดอะซิติกของน้ำหมัก ในขณะที่อัตราการเขย่าที่เหมาะสมคือ 100 รอบต่อนาที โดยได้ปริมาณเซลลูโลสสูงสุดเท่ากับ 42.82 กรัม และพบว่าได้ความเข้มข้นกรดอะซิติกในน้ำหมักสูงสุด 2.93 กรัมต่อลิตร ที่อัตราการเขย่า 50 รอบต่อนาที</p> 2025-09-30T00:00:00+07:00 ลิขสิทธิ์ (c) 2025 Journal of Agricultural Research and Communications https://li01.tci-thaijo.org/index.php/joacmu/article/view/266885 การตรวจวินิจฉัย <I>Candidatus</I> Liberibacter solanacearum ที่ติดมากับหัวพันธุ์มันฝรั่งนำเข้า 2025-03-26T18:08:59+07:00 สุรศักดิ์ แสนโคตร surasak028ss@gmail.com วันเพ็ญ ศรีชาติ rwasana86@gmail.com โสภา มีอำนาจ sopameeamnat@gmail.com จันทร์พิศ เดชหามาตย์ pooklook_d@yahoo.com วาสนา รุ่งสว่าง rwasana86@gmail.com <p>โรค zebra chip ในมันฝรั่งมีสาเหตุจากเชื้อแบคทีเรีย <em>Candidatus</em> Liberibacter solanacearum ซึ่งเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อการผลิตมันฝรั่งในประเทศไทย แม้ว่าโรคนี้ยังไม่เคยพบในประเทศ แต่ได้มีรายงานการระบาดในประเทศที่ส่งออกหัวพันธุ์มายังประเทศไทย ดังนั้นจึงจำเป็นต้องดำเนินมาตรการตรวจสกัดกั้น และป้องกันเพื่อไม่ให้เชื้อสาเหตุเข้ามาสร้างความเสียหายต่ออุตสาหกรรมมันฝรั่งภายในประเทศ งานวิจัยนี้ได้ตรวจสอบหัวพันธุ์มันฝรั่งนำเข้าจำนวน 134 ตัวอย่างจาก 6 ประเทศ ได้แก่ ออสเตรเลีย แคนาดา เนเธอร์แลนด์ นิวซีแลนด์ สกอตแลนด์ และสหรัฐอเมริกา ในช่วงปี พ.ศ. 2564-2566 โดยใช้เทคนิค nested-PCR ซึ่งเป็นวิธีการที่แม่นยำและรวดเร็ว ร่วมกับการตรวจสอบอาการโรค zebra chip บนหัวพันธุ์ นอกจากนี้ยังได้ดำเนินการสำรวจแปลงปลูกมันฝรั่งภายหลังการนำเข้า ในพื้นที่หลายจังหวัดของประเทศไทย ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ ตาก พะเยา สกลนคร และนครพนม ผลการตรวจสอบพบว่า ไม่ปรากฏเชื้อแบคทีเรีย <em>Ca.</em> L. solanacearum และไม่พบอาการของโรค zebra chip ทั้งในตัวอย่างหัวพันธุ์นำเข้าและในการสำรวจแปลงปลูก ผลการวิจัยนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในการใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงเพื่อกำหนดเงื่อนไขการนำเข้าหัวพันธุ์มันฝรั่งจากต่างประเทศ และใช้เป็นแนวทางป้องกันและควบคุมการระบาดของศัตรูพืชร้ายแรงนี้ในอนาคต</p> 2025-09-30T00:00:00+07:00 ลิขสิทธิ์ (c) 2025 Journal of Agricultural Research and Communications https://li01.tci-thaijo.org/index.php/joacmu/article/view/266251 การประเมินวิธีการตรวจสอบความเสียหายทางกลแบบรวดเร็วในเมล็ดพันธุ์ถั่วเหลือง 2025-02-08T14:35:15+07:00 ภภัสสร วัฒนกุลภาคิน kwanpapas@gmail.com กัณทิมา ทองศรี kantima_3816@hotmail.com ปวีณา รักอก Paveenarukok@gmail.com <p>ความเสียหายทางกลของเมล็ดพันธุ์ถั่วเหลืองเกิดขึ้นในระหว่างการเก็บเกี่ยวและปรับปรุงสภาพเมล็ดพันธุ์ เนื่องจากมีองค์ประกอบเป็นโปรตีนและน้ำมันสูง เมล็ดจึงเสียหายง่าย ส่งผลให้ผลผลิตและคุณภาพลดลง วิธีการตรวจสอบความเสียหายทางกลด้วยอินด็อกซิลอะซิเตท (IDA) เป็นวิธีแนะนำในเมล็ดพันธุ์ถั่วเหลือง แต่ค่อนข้างยุ่งยาก ต้นทุนสูง และไม่เหมาะสมต่อการใช้ในสภาพแปลงปลูก งานวิจัยนี้จึงทำการศึกษาวิธีตรวจสอบความเสียหายทางกลที่รวดเร็วในเมล็ดพันธุ์ถั่วเหลืองพันธุ์ กวก. เชียงใหม่ 60 จำนวน 15 ล็อต ได้แก่ ฟาสก์กรีน (FG) เฟอร์ริค คลอไรด์ (FC) และ โซเดียมไฮโปคลอไรท์ (SDH) เปรียบเทียบกับวิธี IDA ผลการทดลองพบว่าค่าเฉลี่ยความงอกและความแข็งแรงที่ตรวจสอบด้วยวิธีการเร่งอายุของเมล็ดพันธุ์ถั่วเหลืองอยู่ในช่วง 71 - 90 เปอร์เซ็นต์ และ 46 - 86 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ ในขณะที่ความเสียหายทางกลที่ตรวจสอบด้วยวิธี IDA มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 7.9 เปอร์เซ็นต์ แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญกับวิธี FG (11.3 เปอร์เซ็นต์), FC (11.2 เปอร์เซ็นต์) และ SDH (11.6 เปอร์เซ็นต์) เมื่อวิเคราะห์ด้วย paired t-test สำหรับค่าความสัมพันธ์ระหว่างวิธีตรวจสอบความเสียหายทางกลพบว่า IDA และ SDH ให้ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ (<em>r</em>) และสมการถดถอยเชิงเส้น (R<sup>2</sup>) สูงที่สุดอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ แม้ว่าการแตกร้าวของเมล็ดพันธุ์ถั่วเหลืองที่ตรวจสอบด้วยวิธี SDH จะสูงกว่า IDA แต่วิธีการนี้ให้ค่าความสัมพันธ์กับวิธี IDA มากที่สุด และพบความสัมพันธ์แบบผกผันในระดับกลางกับความงอก เป็นวิธีที่ง่าย ต้นทุนต่ำ จึงมีความเป็นไปได้ในการประยุกต์ใช้ในเมล็ดถั่วเหลืองพันธุ์ กวก. เชียงใหม่ 60 ในสภาพแปลงปลูกมากที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับวิธีการอื่น</p> 2025-09-30T00:00:00+07:00 ลิขสิทธิ์ (c) 2025 Journal of Agricultural Research and Communications https://li01.tci-thaijo.org/index.php/joacmu/article/view/266260 การพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าวด้วยเทคโนโลยีพร้อมใช้บนพื้นที่สูงในอำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน 2025-03-17T13:58:36+07:00 ฐปรัฏฐ์ สีลอยอุ่นแก้ว taparat.s@rice.mail.go.th ศรายุทธ วงค์คำ sarayoot.w@rice.mail.go.th แสงทิวา สุริยงค์ sangtiwa.s@cmu.ac.th สุทธกานต์ ใจกาวิล suttakam.j@rice.mail.go.th <p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าวบนพื้นที่สูงโดยใช้เทคโนโลยีพร้อมใช้ในพื้นที่อำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยเปรียบเทียบการจัดการแปลงข้าวระหว่างชุดเทคโนโลยีของกรมการข้าวที่ดำเนินการโดยนักวิจัยกับวิธีปฏิบัติของเกษตรกร การทดลองดำเนินการทั้งในสภาพข้าวไร่และข้าวนาสวน จำนวน 6 แปลง แปลงละ 2 ซ้ำ ผลการวิเคราะห์ดินพบว่าเป็นดินเหนียวและดินร่วนเหนียวปนทราย มีค่าความเป็นกรด-ด่างตั้งแต่กรดอ่อนจนถึงกรดจัดมาก และมีอินทรียวัตถุระดับปานกลางถึงสูง การเปรียบเทียบการจัดการปุ๋ย พบว่า แปลงที่นักวิจัยจัดการให้ผลผลิตสูงกว่าแปลงเกษตรกร โดยมีความแตกต่างด้านการแตกกอ และความสูงระหว่างระบบนิเวศข้าวไร่ และข้าวนาสวน ผลผลิตข้าวในแปลงสาธิตมีค่าเฉลี่ย 372.2 - 492.5 กิโลกรัมต่อไร่ โดยมีน้ำหนัก 1,000 เมล็ด 31.5 - 38.8 กรัม และความยาวรวง 25.7 -30.8 เซนติเมตร ขณะที่แปลงเกษตรกรให้ผลผลิต 276.0 - 460.8 กิโลกรัมต่อไร่ น้ำหนัก 1,000 เมล็ด 29.8 - 37.0 กรัม และความยาวรวง 25.3 - 29.6 เซนติเมตร สำหรับพันธุ์บือแหม่ชาถ่าในสภาพนาสวน พบว่าให้ผลผลิตสูงกว่าแปลงเกษตรกรทุกพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ T2 ที่ให้ผลผลิตสูงสุด 674 กิโลกรัมต่อไร่ เนื่องจากมีความยาวรวงมากกว่า T1 ประมาณ 3 เซนติเมตร แม้ว่าจำนวนรวงต่อตารางเมตรจะน้อยกว่า ดังนั้น การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าวในพื้นที่สูงจำเป็นต้องอาศัยวิธีการและเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับแต่ละพื้นที่และระบบนิเวศของข้าว เพื่อให้ได้ผลผลิตสูงสุด</p> 2025-09-30T00:00:00+07:00 ลิขสิทธิ์ (c) 2025 Journal of Agricultural Research and Communications https://li01.tci-thaijo.org/index.php/joacmu/article/view/267351 การปนเปื้อนเมล็ดวัชพืชในเมล็ดพันธุ์ขึ้นฉ่ายนำเข้าจากต่างประเทศ 2025-04-23T21:08:51+07:00 จันทร์พิศ เดชหามาตย์ pooklook_d@yahoo.com โสภา มีอำนาจ sopameeamnat@gmail.com สุรศักดิ์ แสนโคตร surasak028ss@gmail.com วาสนา รุ่งสว่าง r.wasana86@gmail.com อังคณา ทุนสันเทียะ aungkana_2830@hotmail.com ณกานดา ขวัญทองยิ้ม k.nakanda1@gmail.com <p>ในปี 2565 - 2566 มีการนำเข้าเมล็ดพันธุ์ขึ้นฉ่าย (<em>Apium graveolens</em>) รวมทั้งสิ้น 83,532.4 กิโลกรัม จากประเทศสหรัฐอเมริกา (29,647.2 กก.) เม็กซิโก (28,897.5 กก.) อิตาลี (24,986 กก.) ฝรั่งเศส (1.2 กก.) และจีน (0.5 กก.) โดยสุ่มตัวอย่างเมล็ดพันธุ์ขึ้นฉ่ายนำเข้าตามมาตรฐาน ISTA จำนวน 27 ตัวอย่าง เพื่อตรวจสอบการปนเปื้อนของเมล็ดวัชพืชในห้องปฏิบัติการและทดสอบความงอก ผลการตรวจสอบพบว่า ตัวอย่างจากสหรัฐอเมริกา 4 ตัวอย่าง มีเมล็ดวัชพืช <em>Polygonum</em> <em>bellardii</em> ปนเปื้อน ตัวอย่างจากเม็กซิโก 6 ตัวอย่าง พบเมล็ดวัชพืช 5 ชนิด ได้แก่ <em>Amaranthus viridis,</em> <em>Chenopodium murale, Echinochloa colona, Melilotus indicus </em>และ <em>P. bellardii</em> ส่วนตัวอย่างจากอิตาลี 15 ตัวอย่าง พบเมล็ดวัชพืช 3 ชนิด ได้แก่ <em>Helminthotheca echioides, C. album </em>และ<em> Solanum ptychanthum</em> ตัวอย่างจากฝรั่งเศส 1 ตัวอย่าง พบ <em>P.</em> <em>bellardii</em> และตัวอย่างจากจีน 1 ตัวอย่าง ไม่พบการปนเปื้อน จากการศึกษาพบว่า <em>C. album </em>เป็นศัตรูพืชกักกันของประเทศไทย และ <em>C. murale, S. ptychanthum</em> และ <em>H. echioides</em> เป็นวัชพืชที่ยังไม่มีรายงานการพบในประเทศไทย เมล็ดวัชพืชที่ตรวจพบสามารถงอกได้ในการทดสอบความงอก อย่างไรก็ตาม ผลการติดตามตรวจสอบแปลงปลูกขึ้นฉ่ายในจังหวัดตากและเชียงใหม่ ไม่พบศัตรูพืชที่มีความสำคัญด้านกักกันพืช</p> 2025-09-30T00:00:00+07:00 ลิขสิทธิ์ (c) 2025 Journal of Agricultural Research and Communications