Journal of Agricultural Research and Communications https://li01.tci-thaijo.org/index.php/joacmu <p> "<strong>Journal of Agricultural Research and Communications</strong>" เป็นวารสารวิชาการของคณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่<br /> โดยวารสารออกราย 4 เดือน (มกราคม พฤษภาคม และกันยายน) เพื่อเผยแพร่<br /> ความรู้ทางวิชาการด้านการเกษตร และสาขาที่เกี่ยวข้อง ทั้งจากภายในและภายนอก<br /> มหาวิทยาลัย</p> <p> <br /><strong> <a href="https://tci-thailand.org/" target="_blank" rel="noopener">ศูนย์ดัชนีการอ้างอิงวารสารไทย (TCI)</a></strong></p> <p><strong> </strong><strong><a href="https://www.kmutt.ac.th/jif/Impact/impact_s.php" target="_blank" rel="noopener">Thai-Jounal Impact factor ประจำปี 2561 = 0.701</a></strong></p> th-TH agjournal22@gmail.com (รองศาสตราจารย์ ดร.ณัฐา โพธาภรณ์) agjournal22@gmail.com (นางสาวศิริลักษณ์ ใจเหล็ก (เจ้าหน้าที่วารสารเกษตร)) Fri, 31 Jan 2025 00:00:00 +0700 OJS 3.3.0.8 http://blogs.law.harvard.edu/tech/rss 60 การคัดเลือกสายพันธุ์ฟักทองพื้นเมืองแบบสกัดสายพันธุ์และจดบันทึกประวัติเพื่อให้ได้ปริมาณผลผลิตและคุณภาพสูง https://li01.tci-thaijo.org/index.php/joacmu/article/view/262789 <p>ฟักทองพันธุ์พื้นเมืองของไทยมีความหลากหลายทางพันธุกรรม และมีคุณค่าแก่การอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ การคัดเลือกสายพันธุ์เพื่อการสร้างพันธุ์ลูกผสมเป็นแนวทางการใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมเมล็ดพันธุ์การทดลองนี้จึงมี วัตถุประสงค์เพื่อคัดเลือกสายพันธุ์ฟักทองพันธุ์พื้นเมืองแบบสกัดสายพันธุ์และจดบันทึกประวัติ ชั่วที่ 4 และ 5 จำนวน 31 สายพันธุ์ และ 17 สายพันธุ์ จากการคัดเลือกแบบจดบันทึกประวัติของคู่ผสม PKT/CMO439 ชั่วที่ 4 และ 5 ร่วมกับพันธุ์มาตรฐาน 9 พันธุ์ วางแผนการทดลองแบบสุ่มในบล็อกสมบูรณ์ จำนวน 3 บล็อก ระหว่างตุลาคม 2565 ถึง เมษายน 2566 พบว่า ลักษณะผลผลิต องค์ประกอบของผลผลิต และลักษณะคุณภาพทางกายภาพและเคมีทุกลักษณะที่ศึกษามีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ยกเว้น ช่วงเวลาเก็บเกี่ยว การประเมินคัดเลือก 13 สายพันธุ์ ที่ให้ผลผลิตต่อไร่และน้ำหนักผลมากกว่า 1.4 ตัน และ 1.7 กิโลกรัม และพบว่ามีจำนวน 21 สายพันธุ์ ที่มีปริมาณของแข็งมากกว่า ร้อยละ 20.0 และ 5 สายพันธุ์ มีปริมาณของแข็งที่ละลายน้ำได้ของเนื้อดิบมากกว่า ร้อยละ 11.0 การคัดเลือกอย่างอิสระ (independent culling selection) สามารถคัดเลือกได้ 15 สายพันธุ์ จากการสกัดสายพันธุ์และแบบจดบันทึกประวัติ จำนวน 7 และ 8 สายพันธุ์ ตามลำดับ พบว่า สายพันธุ์จากการสกัดมีค่าเฉลี่ยของคุณภาพมากกว่าสายพันธุ์ที่คัดเลือกแบบจดบันทึกประวัติ ได้แก่ ปริมาณของแข็ง เท่ากับ ร้อยละ 20.6 และ 19.2 ปริมาณของแข็งทั้งหมดที่ละลายน้ำได้ของเนื้อดิบและเนื้อนึ่งสุกเท่ากับ ร้อยละ 10.1 และ 8.0 กับ ร้อยละ 11.1 และ 8.7 ตามลำดับ สายพันธุ์ที่ได้รับการคัดเลือกสามารถนำไปทดสอบสมรรถนะการผสม เพื่อคัดเลือกคู่ผสมที่ให้ผลผลิตและคุณภาพสูงสำหรับสร้างเป็นพันธุ์ลูกผสมที่เหมาะสมสำหรับอุตสาหกรรมเมล็ดพันธุ์ต่อไป</p> จานุลักษณ์ ขนบดี, ภัทราภรณ์ ศรีสมรรถการ, พรพนา จินาวงค์ Copyright (c) 2025 วารสารเกษตร https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://li01.tci-thaijo.org/index.php/joacmu/article/view/262789 Fri, 31 Jan 2025 00:00:00 +0700 การคัดเลือก การเก็บรวบรวมและคัดเลือกสายพันธุ์เห็ดยานางิ (<I>Agrocybe cylindracea</I>) เพื่อใช้ในการพัฒนาสายพันธุ์ https://li01.tci-thaijo.org/index.php/joacmu/article/view/263436 <p>เห็ดยานางิ (<em>Agrocybe cylindracea</em>) เป็นเห็ดเศรษฐกิจที่ได้รับความนิยมบริโภคอย่างแพร่หลายแต่ปัจจุบันเห็ดยานางิสายพันธุ์การค้ามักประสบปัญหาการให้ผลผลิตลดลงจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและดอกมีสีน้ำตาลอ่อน ไม่เป็นที่ต้องการของผู้บริโภค จำเป็นต้องดำเนินการรวบรวมและคัดเลือกสายพันธุ์ที่มีศักยภาพเพื่อใช้เป็นแหล่งเชื้อพันธุกรรมในการพัฒนาสายพันธุ์และแก้ไขปัญหาดังกล่าว งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อรวบรวมสายพันธุ์เห็ดยานางิ สำหรับ ทดสอบและคัดเลือกสายพันธุ์ที่มีศักยภาพการให้ผลผลิตสูงและดอกสีเข้มตามความต้องการของตลาด โดยรวบรวมเห็ดยานางิ 23 สายพันธุ์ นำมาศึกษาอัตราการเจริญของเส้นใย จำนวนวันที่เส้นใยเจริญเต็มก้อนอาหารเพาะขี้เลื่อย น้ำหนักผลผลิต และลักษณะทางสัณฐานวิทยา เปรียบเทียบกับเห็ดยานางิ-1 พบว่า เห็ดยานางิทั้ง 23 สายพันธุ์ มีอัตราการเจริญของเส้นใย และจำนวนวันที่เส้นใยเจริญเต็มก้อนอาหารเพาะขี้เลื่อยไม่แตกต่างกันทางสถิติ แต่สายพันธุ์ Ya18, Ya13 และ Ya10 ให้ผลผลิตเฉลี่ยสูงคือ 87.33, 86.54 และ 79.09 กรัม/ถุง และมีประสิทธิภาพการใช้อาหารเท่ากับ 24.26, 24.04 และ 21.96 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญจากเห็ดยานางิ-1 นอกจากนี้ เมื่อคัดเลือกสายพันธุ์ที่มีลักษณะดอกสีเข้ม พบว่า สายพันธุ์ Ya10, Ya21 และ Ya22 มีสีของหมวกดอกเข้มกว่าสายพันธุ์อื่นและให้ผลผลิตสูง ดังนั้น จึงคัดเลือกเห็ดยานางิ 5 สายพันธุ์ คือ Ya10, Ya13, Ya18, Ya21 และ Ya22 สำหรับเป็นเชื้อพันธุกรรมในการพัฒนาเห็ดยานางิสายพันธุ์การค้าต่อไป</p> จิตรา กิตติโมรากุล, ธนภักษ์ อินยอด, วิภาวี ชั้นโรจน์, ภรณี สว่างศรี, รัชฎาภรณ์ ทองเหม Copyright (c) 2025 Journal of Agricultural Research and Communications https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://li01.tci-thaijo.org/index.php/joacmu/article/view/263436 Fri, 31 Jan 2025 00:00:00 +0700 การขยายพันธุ์มะแหลบโดยวิธีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ https://li01.tci-thaijo.org/index.php/joacmu/article/view/264250 <p>มะแหลบ (<em>H. siamicum</em> Craib) เป็นพืชสมุนไพรเครื่องเทศที่มีองค์ประกอบทางเคมีที่สำคัญมากมาย แต่งานวิจัยด้านการขยายพันธุ์มะแหลบโดยการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อมีค่อนข้างน้อย งานวิจัยนี้ เป็นการศึกษาสูตรอาหารที่เหมาะสมในการชักนำให้เกิดยอดของเนื้อเยื่อมะแหลบ โดยการนำปลายยอดมะแหลบขนาด 1 เซนติเมตร มาเพาะเลี้ยงบนอาหารสูตร MS และอาหารสูตร woody plant medium (WPM) ที่เติม BAP (6-Benzylaminopurine) และ TDZ (1-Phenyl-3-(1, 2, 3-thiadiazol-5-yl)-urea) ที่ระดับความเข้มข้น 0, 1, 2, 4 และ 8 มิลลิกรัมต่อลิตร จำนวน 20 ซ้ำ เป็นเวลานาน 45 วัน พบว่า การเติม BAP ที่ความเข้มข้น 2 มิลลิกรัมต่อลิตร สามารถเพิ่มปริมาณยอดได้ 5.55 ± 0.87 ยอดต่อชิ้นส่วนพืช ซึ่งมากกว่าความเข้มข้นอื่น ๆ ที่ทดสอบ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (<em>P</em> &lt; 0.05) ส่วนสูตรอาหาร MS และ WPM ที่ไม่เติมสารควบคุมการเจริญเติบโตนั้น สามารถชักนำให้มะแหลบมีความยาวยอดสูงสุด 6.80±0.42 และ 7.21 ± 0.35 เซนติเมตร ตามลำดับ เมื่อนำยอดมะแหลบไปเพาะเลี้ยงบนอาหารสูตร MS และ WPM ที่เติมสารควบคุมการเจริญเติบโต IBA (4-Indole-3-yl butyric acid), IAA (Indole-3-acetic acid) และ NAA (α-naphthaleneacetic acid) ที่ความเข้มข้น 0, 1, 2, 4 และ 8 มิลลิกรัมต่อลิตร จำนวน 20 ซ้ำ เพื่อชักนำให้เกิดราก พบว่า อาหารสูตร MS ที่เติม IBA เข้มข้น 1 มิลลิกรัมต่อลิตร สามารถชักนำให้เกิดรากได้สูงเฉลี่ยร้อยละ 90 มีจำนวนรากสูง 15.65 ± 2.06 รากต่อยอด และมีความยาวราก 1.81 ± 0.29 เซนติเมตร เนื้อเยื่อมะแหลบที่เพาะเลี้ยงบนอาหารสูตร WPM ที่เติม NAA เข้มข้น 8 มิลลิกรัมต่อลิตร สามารถชักนำให้เกิดแคลลัสได้เฉลี่ยร้อยละ 100 และมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 2.43 ± 0.13 เซนติเมตร เมื่อนำต้นมะแหลบที่มีทั้งรากและยอดไปย้ายปลูกในวัสดุปลูกที่ต่างกัน 4 ชนิด คือ vermiculite, perlite, peat และวัสดุผสมระหว่าง vermiculite : perlite : peat ที่อัตราส่วน 1:1:1 เป็นเวลา 30 วัน ในสภาพโรงเรือน พบว่าวัสดุผสม vermiculite : perlite : peat ส่งผลให้ต้นมะแหลบมีการรอดชีวิตร้อยละ 50 มีความสูง 3.5 เซนติเมตร</p> พัชราวดี วัฒนวิกย์กิจ, ภัทราภรณ์ ศรีสมรรถการ Copyright (c) 2025 Journal of Agricultural Research and Communications https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://li01.tci-thaijo.org/index.php/joacmu/article/view/264250 Fri, 31 Jan 2025 00:00:00 +0700 การคัดเลือกข้าวลูกผสมระหว่างพันธุ์แสง 5 และพันธุ์ปทุมธานี 1 เพื่อเพิ่มปริมาณสารฟีนอลิกและผลผลิตในชั่วที่ 4 และชั่วที่ 5 https://li01.tci-thaijo.org/index.php/joacmu/article/view/262580 <p>ข้าวก่ำพันธุ์แสง 5 เป็นข้าวพื้นเมืองที่มีเยื่อหุ้มเมล็ดสีม่วงดำและมีสารฟีนอลสูง (phenol) ซึ่งมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ (antioxidant) แต่ให้ผลผลิตต่ำเมื่อเทียบกับข้าวสายพันธุ์สมัยใหม่ งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินและคัดเลือกสายพันธุ์ข้าวลูกผสมที่มีเยื่อหุ้มเมล็ดสีดำ ปริมาณฟีนอลสูง และให้ผลผลิตสูง โดยคัดเลือกจากประชากรลูกผสมชั่วที่ 3 ระหว่างข้าวพันธุ์แสง 5 และปทุมธานี 1 ได้ทั้งหมดจำนวน 14 ต้น นำไปปลูกประเมินและคัดเลือกในชั่วที่ 4 และ 5 โดยในประชากรลูกผสมชั่วที่ 4 ปลูกในกระถางทดลองสภาพนาสวน ในโรงเรือนทดลอง ในฤดูนาปรัง พ.ศ. 2563 ปลูกประชากรละ 10 ต้นคัดเลือกได้ทั้งหมด 4 ต้นที่ให้ผลผลิตและมีปริมาณฟีนอลสูงเป็นตัวแทนของประชากร ในชั่วที่ 5 ปลูกคัดเลือกในแปลงทดลอง พบว่าพันธุ์แม่แสง 5 มีปริมาณฟีนอล 533.3 มิลลิกรัมสมมูลกรดแกลลิกต่อน้ำหนักเมล็ด 100 กรัม ในขณะที่พันธุ์พ่อปทุมธานี 1 ไม่พบสารฟีนอล สามารถคัดเลือกต้นที่มีปริมาณฟีนอลสูง เยื่อหุ้มเมล็ดสีดำ และผลผลิตสูงกว่าพันธุ์แม่ได้ 7 สายพันธุ์ โดยมีปริมาณฟีนอลระหว่าง 753.0-1237.4 มิลลิกรัมสมมูลกรดแกลลิกต่อน้ำหนักเมล็ด 100 กรัม และผลผลิตระหว่าง 20.2-24.6 กรัมต่อต้น สายพันธุ์ที่คัดเลือกได้ในครั้งนี้สามารถใช้เป็นแหล่งพันธุกรรมในการปรับปรุงพันธุ์ข้าวคุณภาพพิเศษที่มีปริมาณฟีนอลสูงและให้ผลผลิตสูงในอนาคต</p> เกริกเกียรติ ปัญญาหล้า, ชนากานต์ เทโบลต์ พรมอุทัย, ต่อนภา ผุสดี, ศันสนีย์ จำจด Copyright (c) 2025 Journal of Agricultural Research and Communications https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://li01.tci-thaijo.org/index.php/joacmu/article/view/262580 Fri, 31 Jan 2025 00:00:00 +0700 ผลของระบบการให้น้ำต่อการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ สายพันธุ์แท้ตากฟ้า 1 ในชุดดินลพบุรี https://li01.tci-thaijo.org/index.php/joacmu/article/view/264372 <p>น้ำเป็นปัจจัยที่สำคัญต่อการเจริญเติบโตของข้าวโพด การให้น้ำที่เหมาะสมจะช่วยเพิ่มการหายใจของรากพืช การถ่ายเทอากาศ ความชุ่มชื้นในดิน และเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดินส่งผลต่อเมล็ดพันธุ์ของข้าวโพด การให้น้ำมีหลากหลายรูปแบบเพื่อที่จะลดความเสี่ยงจากการขาดน้ำ จึงได้ศึกษาผลของวิธีการให้น้ำต่อการเจริญเติบโต และเมล็ดพันธุ์ของข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ สายพันธุ์แท้ตากฟ้า 1 ในชุดดินลพบุรี วางแผนการทดลองแบบ randomized complete block design (RCBD) ประกอบด้วย 6 กรรมวิธีทดลอง จำนวน 4 ซ้ำ ประกอบด้วยวิธีการให้น้ำ 2 ระบบ คือ ระบบน้ำหยด และระบบน้ำพุ่ง ร่วมกับปริมาณการให้น้ำ 50 75 และ 100 เปอร์เซ็นต์ ของการคายระเหยน้ำ ผลการทดลองพบว่า ระบบน้ำพุ่งที่ปริมาณการให้น้ำ 75 เปอร์เซ็นต์ ของการคายระเหยน้ำ ให้ผลผลิตสูงสุด 760 กก.ต่อไร่ สอดคล้องกับเปอร์เซ็นต์กะเทาะ ความชื้นเมล็ดขณะเก็บเกี่ยว น้ำหนัก 100 เมล็ด และขนาดของเมล็ด นอกจากนี้ระบบน้ำพุ่งยังส่งผลต่อการเจริญเติบโตทางด้านความสูงต้น ค่า SPAD ในใบของข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ วันออกดอกตัวเมีย ตัวผู้ และความแก่ของใบ ดังนั้นวิธีการให้น้ำที่เหมาะสมในการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์สายพันธุ์แท้ ตากฟ้า 1 คือ ระบบน้ำพุ่งที่ปริมาณการให้น้ำ 75 เปอร์เซ็นต์ ของการคายระเหยน้ำ</p> ณัฐกิตติ์ เพชรหมื่นไว, ศิวิไล ลาภบรรจบ, การิตา จงเจือกลาง, สามัคคี จงฐิตินนท์, สมนึก คงเทียน, อภิชาติ สุพรรณรัตน์, สุณีย์ ชมชิด Copyright (c) 2025 Journal of Agricultural Research and Communications https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://li01.tci-thaijo.org/index.php/joacmu/article/view/264372 Fri, 31 Jan 2025 00:00:00 +0700