https://li01.tci-thaijo.org/index.php/pajrmu/issue/feed
วารสารเกษตรพระวรุณ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม
2025-07-23T00:00:00+07:00
Asst.Prof. Choothaweep Palakawong Na Ayudhya, Ph.D.
prawarun.j@rmu.ac.th
Open Journal Systems
<p><strong>นโยบายและขอบเขตการตีพิมพ์บทความในวารสารเกษตรพระวรุณ </strong></p> <p>1. เป็นบทความวิจัย (Research article) บทความปริทัศน์ (Review article) หรือบทความทางวิชาการ (Academic article) ทางด้านเกษตรศาสตร์และเทคโนโลยีการเกษตรที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ พืชศาสตร์ สัตวศาสตร์ ประมง วิทยาศาสตร์สุขภาพสัตว์ วิทยาศาสตร์การอาหารและอุตสาหกรรมการเกษตร ธุรกิจการเกษตร ส่งเสริมการเกษตร สารสนเทศการเกษตร นวัตกรรมการเกษตร และนวัตกรรมเทคโนโลยีเครื่องจักรกลการเกษตร เป็นต้น </p> <p>2. ต้องไม่เคยได้รับการตีพิมพ์มาก่อน (ต้นฉบับหรือส่วนหนึ่งส่วนใดของต้นฉบับ) และต้นฉบับต้องไม่อยู่ระหว่างกระบวนการพิจารณาลงตีพิมพ์ในวารสารหรือสิ่งตีพิมพ์อื่นใด</p> <p><strong>การตรวจสอบการตีพิมพ์ </strong></p> <p>บทความทุกบทความที่ตีพิมพ์ในวารสารเกษตรพระวรุณต้องผ่านกระบวนการพิจารณาเพื่อตอบรับการตีพิมพ์ โดยกองบรรณาธิการประกอบด้วย</p> <p>กระบวนการที่ 1: กลั่นกรองเบื้องต้นในรูปแบบการพิมพ์ ขอบเขตของเนื้อหา และความสมบูรณ์ของบทความ </p> <p>กระบวนการที่ 2: กลั่นกรองต้นฉบับโดยผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งเป็นบุคคลภายนอกจากหลากหลายสถาบัน จำนวน 3 ท่าน ในประเด็นความเหมาะสมตามเกณฑ์คุณภาพของบทความแต่ละประเภทรวมถึงองค์ความรู้ใหม่ที่ค้นพบในรูปแบบ <strong>"DOUBLE BLINED REVIEW"</strong></p> <p><strong>กำหนดการเผยแพร่วารสาร ปีละ 2 ฉบับ </strong></p> <p><strong>- ฉบับที่ 1: เดือนมกราคม - เดือนมิถุนายน</strong></p> <p><strong>- ฉบับที่ 2: เดือนกรกฎาคม - เดือนธันวาคม </strong></p>
https://li01.tci-thaijo.org/index.php/pajrmu/article/view/267324
การส่งเสริมการใช้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดินเพื่อลดต้นทุนการผลิตข้าวของเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ในตำบลดอนเตย อำเภอนาทม จังหวัดนครพนม
2025-05-30T23:07:47+07:00
ทรงวิทย์ ติยะบุตร
songwit.ti@gmail.com
สินีนุช ครุฑเมือง แสนเสริม
songwit.ti@gmail.com
นารีรัตน์ สีระสาร
songwit.ti@gmail.com
<p>การศึกษาครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงสำรวจ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาแนวทางในการส่งเสริมการใช้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดินเพื่อลดต้นทุนการผลิตข้าวของเกษตรกร ประชากรในการศึกษา คือ ครัวเรือนเกษตรกรตำบลดอนเตยที่ขึ้นทะเบียนการปลูกข้าวกับสำนักงานเกษตรอำเภอนาทม จังหวัดนครพนม ปีการผลิต พ.ศ. 2566 รวมจำนวน 1,535 ราย กำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างโดยใช้สูตรของทาโร ยามาเน ที่ระดับความคลาดเคลื่อน 0.07 ได้กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 181 ราย เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสัมภาษณ์ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา ผลการวิจัยพบว่า 1. เกษตรกรร้อยละ 51.38 เป็นเพศชาย มีอายุเฉลี่ย 53.49 ปี ร้อยละ 54.69 จบประถมศึกษา มีประสบการณ์ปลูกข้าวเฉลี่ย 34.18 ปี มีพื้นที่ปลูกข้าวเฉลี่ย 18.24 ไร่มีรายได้จากการปลูกข้าวเฉลี่ย 4,085.13 บาทต่อไร่ต่อปี รายจ่ายการปลูกข้าวเฉลี่ย 2,798.54 บาทต่อไร่ต่อปี เกษตรกรส่วนใหญ่มีความรู้ความเข้าใจการใช้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดินในระดับปานกลาง เกษตรกรเคยได้รับการส่งเสริมการใช้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดินในภาพรวมอยู่ในระดับมาก โดยได้รับการส่งเสริมด้วยวิธีเจ้าหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงสูงที่สุด เกษตรกรมีปัญหาการใช้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดินเพื่อลดต้นทุนการผลิตข้าวในภาพรวมอยู่ในระดับมาก โดยมีปัญหาด้านความรู้การใช้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดินสูงที่สุด และเกษตรกรมีความต้องการแนวทางในการส่งเสริมการใช้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดินเพื่อลดต้นทุนการผลิตข้าวที่ในด้านต่าง ๆ ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก โดยมีความต้องการด้านการส่งเสริมและด้านการสนับสนุนการใช้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดินสูงที่สุด คือ ควรจัดอบรมให้ความรู้การผสมปุ๋ยใช้เองแบบอย่างง่าย และควรอำนวยความสะดวกเกษตรกรให้เข้าถึงบริการการตรวจวิเคราะห์ดินในห้องปฏิบัติการของภาครัฐ</p>
2025-07-23T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารเกษตรพระวรุณ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม
https://li01.tci-thaijo.org/index.php/pajrmu/article/view/267904
ผลของการเสริมผงผลมะหาดสุกในอาหารต่อสมรรถภาพการผลิตและคุณภาพไข่ของไก่ไข่
2025-06-16T12:20:26+07:00
ทิพย์สุดา บุญมาทัน
thipsuda_boonmatan@hotmail.com
นพรัตน์ ผกาเชิด
Noppharat.ph@ksu.ac.th
ณัฐวัฒน์ ตันพล
Tanpol.Nathawat@gmail.com
พีรพจน์ นิติพจน์
peerapot.ni@ksu.ac.th
นุกูล แก่นจันทร์
nukoon.ka@ksu.ac.th
ดวงจันทร์ โพธิสาร
duangchanpho503@gmail.com
<p>การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของการเสริมผงผลมะหาดสุกในอาหารต่อสมรรถภาพการผลิตและคุณภาพไข่ของไก่ไข่ โดยใช้ไก่ไข่พันธุ์ซีพี บราวน์ (CP brown) อายุ 30 สัปดาห์ จำนวน 90 ตัว แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มทดลอง ได้แก่ กลุ่มที่ไม่เสริมผงผลมะหาดสุก (กลุ่มควบคุม) กลุ่มที่เสริมผงผลมะหาดสุกที่ระดับ 0.2 % และ 0.4 % มีการวางแผนการทดลองแบบสุ่มสมบูรณ์ (Completely randomized design : CRD) โดยแต่ละกลุ่มทดลองมี 3 ซ้ำ ๆ ละ 10 ตัว ใช้ระยะเวลาทดลอง 12 สัปดาห์ <em>จ</em>ากการศึกษาพบว่าการเสริมผงผลมะหาดสุกในอาหารไก่ไข่ที่อายุ 30-41 สัปดาห์<em> ที่</em>ระดับ 0.2 % และ 0.4 % ไม่มีผลต่ออัตราการผลิตไข่ต่อวัน น้ำหนักไข่ ปริมาณอาหารที่กินได้ และอัตราการเปลี่ยนอาหารเป็นน้ำหนักไข่ (p>0.05) และการเสริมผงผลมะหาดสุกทั้งสองระดับที่ทำการศึกษาไม่มีผลต่อคุณภาพไข่ในไก่ไข่ที่อายุ 33 และ 37 สัปดาห์ (p>0.05) แต่อย่างไรก็ตามการเสริมผงผลมะหาดสุกที่ระดับ 0.2 % ในอาหารไก่ไข่ที่อายุ 41 สัปดาห์ มีผลทำให้ความหนาเปลือกไข่ และสีไข่แดงสูงกว่าการเสริมผงผลมะหาดสุกที่ระดับ 0.4 % และกลุ่มควบคุม (p<0.05) ขณะที่การเสริมผงผลมะหาดสุกที่ระดับ 0.2 % และ 0.4 % ให้ผลความสูงไข่แดงไม่แตกต่างกันทางสถิติ (p>0.05) ดังนั้นการเสริมผงผลมะหาดสุกในอาหารไก่ไข่ที่ระดับ 0.2 % สามารถเพิ่มคุณภาพไข่ในด้านความหนาเปลือกไข่ ความสูงไข่แดง และสีไข่แดงได้ โดยไม่ส่งผลกระทบต่อสมรรถภาพการผลิตไข่</p>
2025-08-18T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารเกษตรพระวรุณ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม
https://li01.tci-thaijo.org/index.php/pajrmu/article/view/267931
การประเมินลักษณะทางกายภาพและองค์ประกอบทางเคมีของฟางข้าวที่ผ่านกระบวนการหมักด้วยเชื้อเห็ดฟาง เพื่อใช้ประโยชน์เป็นอาหารหยาบในสัตว์เคี้ยวเอื้อง
2025-06-13T16:15:41+07:00
อติชาต ทองนำ
atichat_t@rmutl.ac.th
กฤษณะ หมีนิ่ม
torung2528@rmutl.ac.th
อัษฎาวุธ สนั่นนาม
adsadawut@rmutl.ac.th
ณวรรณพร จิรารัตน์
nawannaporn@rmutl.ac.th
จันทรา สโมสร
naybun@rmutl.ac.th
อุษณีย์ภรณ์ สร้อยเพ็ชร์
usaneeporn@rmutl.ac.th
สมบัติ พนเจริญสวัสดิ์
rit6912@rmutl.ac.th
พรศิลป์ แก่นท้าว
pornsin@rmutl.ac.th
คัทรียา เต๋จ๊ะ
kattareeya.2024@rmutl.ac.th
ปุณณะวุทฒ์ ยะมา
punnawut.yama@rmutl.ac.th
<p>การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินลักษณะทางกายภาพและองค์ประกอบทางเคมีของฟางข้าวที่ผ่านกระบวนการหมักร่วมกับเชื้อเห็ดฟาง (<em>Volvariella volvacea</em>) เพื่อใช้เป็นอาหารหยาบในสัตว์เคี้ยวเอื้อง โดยวางแผนการทดลองแบบสุ่มสมบูรณ์ โดยมี 5 กลุ่มทดลอง กลุ่มละ 3 ซ้ำ ได้แก่ ฟางข้าวหมักด้วยเชื้อเห็ดฟางเป็นเวลา 0, 7, 14, 21 และ 28 วัน (RSVV 0D, 7D, 14D, 21D และ 28D) โดยนำฟางข้าวที่แช่น้ำจนอิ่มตัวผสมกับก้อนเชื้อเห็ดฟางในอัตราส่วน 2:1 นำใส่แม่พิมพ์ที่รองก้นด้วยพลาสติกกันน้ำแล้วใช้ผ้าใบดำคลุม เมื่อครบกำหนดทำการประเมินลักษณะทางกายภาพโดยพิจารณาจากสี กลิ่น เนื้อสัมผัส การเจริญของเส้นใย และค่า pH รวมถึงวิเคราะห์องค์ประกอบทางเคมี ได้แก่ วัตถุแห้งโปรตีนหยาบ ไขมัน เยื่อใย (NDF และ ADF) เถ้า และอินทรียวัตถุ ผลการศึกษาพบว่าการหมักฟางข้าวด้วยเชื้อเห็ดฟางเป็นเวลา 28 วัน (RSVV 28D) ส่งผลให้ฟางข้าวมีลักษณะทางกายภาพดีที่สุด (คะแนนรวม 18 คะแนน) มีค่าความเป็นกรด-ด่างเหมาะสม (pH 7.70) และมีผลต่อเปลี่ยนแปลงค่าองค์ประกอบทางเคมีทางเคมี โดยมีผลทำให้ค่าวัตถุแห้งและไขมันเพิ่มขึ้นสูงสุด ขณะที่ค่าของเยื่อใย NDF และ ADF ลดลง แสดงให้เห็นถึงการย่อยสลายโครงสร้างลิกโนเซลลูโลสโดยเอนไซม์จากเชื้อเห็ด นอกจากนี้ ปริมาณโปรตีนหยาบเพิ่มขึ้นในช่วง 21 วันก่อนลดลงในวันที่ 28 วัน (<em>p</em><0.01) ดังนั้น การหมักฟางข้าวด้วยเชื้อเห็ดฟางเป็นเวลา 21–28 วัน ถือเป็นระยะเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการปรับปรุงคุณภาพฟางข้าวด้วยเชื้อเห็ดฟางสำหรับใช้เป็นอาหารหยาบในสัตว์เคี้ยวเอื้องอย่างมีประสิทธิภาพ</p>
2025-09-02T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารเกษตรพระวรุณ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม
https://li01.tci-thaijo.org/index.php/pajrmu/article/view/267944
ความต้องการตลาดออนไลน์ส้มโอขาวใหญ่ของเกษตรกร ตำบลบางสะแก อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม
2025-06-11T20:06:45+07:00
ศุภกานต์ ขุนนา
supakarn.khunn@ku.th
พัชราวดี ศรีบุญเรือง
fagrpds@ku.ac.th
ชลาธร จูเจริญ
fagrchch@ku.ac.th
<p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) ปัจจัยพื้นฐานส่วนบุคคล เศรษฐกิจและสังคม 2) การผลิตส้มโอพันธุ์ขาวใหญ่ 3) การเปิดรับข่าวสาร 4) ความต้องการตลาดออนไลน์ส้มโอขาวใหญ่ 5) ปัจจัยที่มีผลต่อความต้องการตลาดออนไลน์ส้มโอขาวใหญ่ โดยกลุ่มตัวอย่างของเกษตรกรผู้ปลูกส้มโอขาวใหญ่จำนวน 152 คน สุ่มจากเกษตรกรผู้ปลูกส้มโอขาวใหญ่ตำบลบางสะแกจำนวน 249 คน โดยการใช้วิธีการสุ่มกลุ่มตัวอย่างแบบบังเอิญ เก็บข้อมูลด้วยแบบสัมภาษณ์ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ สถิติเชิงพรรณนา ค่า t - test, F - test และ LSD ทดสอบรายคู่ ผลการศึกษา พบว่า เกษตรกรส่วนใหญ่เป็นเพศชาย อายุเฉลี่ย 49.30 ปี จบระดับการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาหรือ ปวช./ปวส. ประสบการณ์ในการปลูกส้มโอเฉลี่ย 14.95 ปี รายได้เฉลี่ย 78,815.79 บาท/ไร่/ปี รายจ่ายเฉลี่ย 20,243.42 บาท/ไร่/ปี เกษตรกรให้น้ำเฉลี่ย 3 - 4 ครั้งต่อสัปดาห์ ผลผลิตเฉลี่ยมากกว่า 2,000 กิโลกรัม/ไร่/ปี การเปิดรับข่าวสารจากสื่อออนไลน์ผ่านยูทูปมากที่สุด ภาพรวมเกษตรกรมีความต้องการตลาดออนไลน์ทุกด้านอยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.45 โดยเกษตรกรที่มีอายุ ระดับการศึกษา ประสบการณ์การปลูกส้มโอ การดูแลรดน้ำ ผลผลิตเฉลี่ย และสื่อออนไลน์ที่แตกต่างกันมีความต้องการตลาดออนไลน์ส้มโอขาวใหญ่แตกต่างกันอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติ 0.05 และ 0.01</p>
2025-09-05T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารเกษตรพระวรุณ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม
https://li01.tci-thaijo.org/index.php/pajrmu/article/view/265482
การพัฒนาเครื่องเตรียมเส้นใยฝ้ายจากฐานภูมิปัญญาสำหรับกลุ่มเกษตรกรเข็นฝ้ายพันธุ์พื้นเมืองจังหวัดเลย
2025-05-23T09:45:38+07:00
ยุทธศิลป์ ชัยสิทธิ์
yutthasin.cha@lru.ac.th
กานต์ จันทระ
kanjantara1972@gmail.com
สรินทร คุ้มเขต
sarinthorn.khu@lru.ac.th
ชัยพฤกษ์ หงษ์ลัดดาพร
chaiyapruek.h@gmail.com
ชมภูนาฏ ชมภูพันธ์
chomphunat@gmail.com
<p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อออกแบบและพัฒนาเครื่องเตรียมเส้นใยฝ้ายจากฐานภูมิปัญญาสำหรับกลุ่มเกษตรกรเข็นฝ้ายพันธุ์พื้นเมืองจังหวัดเลย ทำให้ลดเวลา และลดการใช้แรงของสมาชิกสูงอายุของกลุ่มได้ การดำเนินการออกแบบและสร้างเครื่อง ใช้หลักการ คือเป็นเครื่องกึ่งอัตโนมัติ สามารถแยกเมล็ดและตีฟูให้อยู่ในเครื่องเดียวกัน ใช้งานง่าย มีความปลอดภัย ซ่อมบำรุงรักษาได้ง่าย และสามารถใช้กับไฟฟ้าเฟสเดียวได้ ผลการศึกษาพบว่า เครื่องที่สร้างขึ้นมีขนาดกว้าง 75 เซนติเมตร ยาว 114 เซนติเมตร และสูง 108.50 เซนติเมตร ระบบการทำงานของเครื่องแยกเป็น 3 ส่วน คือ ชุดใบหีบแยกเมล็ด ชุดใบตีฟูปุยฝ้าย และชุดเพลาลูกกลิ้งลำเลียงและพัดลมหอยโข่ง ผลการหาประสิทธิภาพของเครื่องพบว่า เครื่องที่สร้างขึ้นมีความสามารถในการหีบแยกเมล็ดฝ้าย และตีฟูปุยฝ้ายพันธุ์ขาวใหญ่ได้โดยเฉลี่ย 55.50 กิโลกรัมต่อชั่วโมง ที่ความเร็วรอบของใบหีบแยกเมล็ด 620 รอบต่อนาที และที่ชุดใบตีฟูปุยฝ้าย 1,250 รอบต่อนาที ได้ฝ้ายที่มีลักษณะสมบูรณ์ ไม่มีสิ่งสกปรกเจือปน ร้อยละ 30.27 โดยน้ำหนัก และมีเมล็ดฝ้ายรวมสิ่งสกปรกเจือปน ร้อยละ 69.73 โดยน้ำหนัก ผลการวิเคราะห์เชิงเศรษฐศาสตร์ พบว่าจุดคุ้มทุนในการใช้เครื่องเท่ากับ 3,490.33 กิโลกรัมต่อปี</p>
2025-09-24T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารเกษตรพระวรุณ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม