ประสิทธิผลของโปรแกรมการสร้างเสริมสุขภาพสำหรับผู้ป่วยเบาหวานในชุมชนบ้านหนองนาสร้าง จังหวัดร้อยเอ็ด

ผู้แต่ง

  • Thunyaluk Thangtumpitak

คำสำคัญ:

โปรแกรมส่งเสริมสุขภาพ; พฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพ; ผู้ป่วยเบาหวาน, health promotion program; health promoting behavior; patients with diabetes mellitus

บทคัดย่อ

หลักการและวัตถุประสงค์: โรคเบาหวานเป็นโรคเรื้อรังที่เป็นปัญหาสําคัญและซับซ้อนซึ่งต้องการรูปแบบการดูแลที่มีความเฉพาะ การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาประสิทธิผลของโปรแกรมการสร้างเสริมสุขภาพสำหรับผู้ป่วยเบาหวานในชุมชนบ้านหนองนาสร้าง จังหวัดร้อยเอ็ด

วิธีการศึกษา: เป็นการศึกษากึ่งทดลอง กลุ่มตัวอย่างทั้งหมด 20 ราย กลุ่มเดียววัดก่อนและหลังได้รับโปรแกรมการสร้างเสริมสุขภาพที่ประยุกต์ใช้แบบจำลองการส่งเสริมสุขภาพของเพนเดอร์ เป็นระยะเวลา 12 สัปดาห์ เครื่องมือที่ใช้ศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ โปรแกรมการสร้างเสริมสุขภาพในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้ป่วยเบาหวาน ใช้วิธีการบรรยายประกอบสื่อสไลด์ การฉายวีดีทัศน์ การเสนอตัวแบบด้านดี การสาธิตฝึกปฏิบัติ คู่มือการดูแลตนเอง และการอภิปรายกลุ่ม รวบรวมข้อมูล โดยใช้แบบสอบถามพฤติกรรมการสร้างเสริมสุขภาพและแบบวัดความรู้ในการสร้างเสริมสุขภาพของผู้ป่วยเบาหวาน ตรวจสอบความตรงตามเนื้อหาได้ค่า CVI เท่ากับ 0.82 มีค่าสัมประสิทธิ์แอลฟาของครอนบาคเท่ากับ 0.84 วิเคราะห์ข้อมูลทั่วไปโดยใช้สถิติความถี่ ค่าเฉลี่ย ร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ Paired t-test

ผลการศึกษา: พบว่า ผู้ป่วยเบาหวานที่ได้รับโปรแกรมการสร้างเสริมสุขภาพ หลังได้รับโปรแกรมการสร้างเสริมสุขภาพ (M=4.21, SD=0.42) ผู้ป่วยเบาหวานมีพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพดีขึ้นกว่าก่อน ได้รับโปรแกรมสร้างเสริมสุขภาพ (M=2.64, SD=0.76) อย่างมีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ .001 (t = 24.10,  p<.001)มีค่าเฉลี่ยระดับน้ำตาลในเลือด (FBS) หลังเข้าร่วมโปรแกรมสร้างเสริมสุขภาพลดลงกว่าก่อนเข้าร่วมโปรแกรมสร้างเสริมสุขภาพ

สรุป:โปรแกรมการสร้างเสริมสุขภาพมีผลทำให้ผู้ป่วยเบาหวานมีพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพที่ดีได้

เอกสารอ้างอิง

1. Shaw JE, Sicree RA, Zimmet PZ. Global estimates of the prevalence of diabetes for 2010 and 2030. Diabetes Res Clin Pract 2010; 87: 4–14.
2. King H, Aubert RE , Herman W. Global burden of diabetes, September 1995- 2025: Prevalence, numerical estimates, and projections. Diabetes Care 1998; 21: 141-3.
3. Cryer PE. Hypoglycaemia: The limiting factor in the glycemic management of Type I and Type II. Diabetologia 2002; 45: 937–48.
4.ราม รังสินธุ์, ปยทัศน์ ทัศนาวิวัฒน์.การประเมินผลการดูแลผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 และความดันโลหิตสูงของโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขและโรงพยาบาลในสังกัดกรุงเทพมหานครประจําปี2555. รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์. นนทบุรี: สํานักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ; 2555.
5. Pender NJ, murdaugh CL, Parsons MA. Health promotion in nursing practice. 6 th ed USA: Pearson practice Hall; 2011.
6. จุฬาลักษณ์ บารมี. สถิติเพื่อการวิจัยทางสุขภาพและการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยโปรแกรม SPSS .
ชลบุรี: ศรีศิลปะการพิมพ์; 2551.
7. เพ็ญศรี พงษป์ระภาพันธ์, สุวมิล แสนเวียงจันทร์, ประทีป ปัญญา. การพัฒนารูปแบบการส่งเสริมสุขภาพแบบองค์รวมของผู้ป่วยเบาหวานในชุมชนวัดปุรณาวาส. วารสารพยาบาลกระทรวงสาธารณสุข. 2555; 22 : 100-11.
8. Best John. Research in Education.New Jersey: Prentice Hall, Inc.1977;190.
9.สมจิตร์ นคราพานิช. ผลของโปรแกรม การเสริมสร้างพลังอำนาจในการส่งเสริมสุขภาพต่อ พฤติกรรมการบริโภคอาหาร พฤติกรรมการออกกาลังกาย และภาวะโภชนาการของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น. วารสารพยาบาลสาธารณสุข. 2555; 26: 32-50.
10. เทพสุดา รุ่งสาง, สุรีย์ จันทรโมลี, ประภาเพ็ญ สุวรรณ, มยุนา ศรีสุภนันท์. ประสิทธิผลโปรแกรมสร้างเสริมสุขภาพแบบมีส่วนร่วมของผู้สูงอายุ อำเภอแสวงหา จังหวัดอ่างทอง. วารสารเครือข่ายวิทยาลัยพยาบาลและกระทรวงสาธารณสุขภาคใต้. 2561; 5: 30-45.
11. เสนะ นพโสภณ. ผลของโปรแกรมส่งเสริมสุขภาพต่อพฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพของผู้ป่วยเบาหวาน ในตำบลบางเตย อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา. วารสารราชนครินทร์ 2559; 30: 161-71.
12. กรรณิการ์ เชิงยุทธ์ นงนุช โอบะ ธนกร ลักษณ์สมยา. ผลลัพธ์ของการดูแลผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่2ของเครือข่ายหน่วยบริการปฐมภูมิโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร. วารสารการพยาบาลและสุขภาพ. 2555; 6: 110-121.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2019-05-03

รูปแบบการอ้างอิง

1.
Thangtumpitak T. ประสิทธิผลของโปรแกรมการสร้างเสริมสุขภาพสำหรับผู้ป่วยเบาหวานในชุมชนบ้านหนองนาสร้าง จังหวัดร้อยเอ็ด. SRIMEDJ [อินเทอร์เน็ต]. 3 พฤษภาคม 2019 [อ้างถึง 7 ธันวาคม 2025];34(3):243-8. available at: https://li01.tci-thaijo.org/index.php/SRIMEDJ/article/view/187223

ฉบับ

ประเภทบทความ

Original Articles