แนวทางการปฏิบัติการให้ยาฉีดมอร์ฟีนใต้ผิวหนังที่บ้านของผู้ป่วยระยะท้าย
คำสำคัญ:
ยาฉีดมอร์ฟีน; การให้ยาฉีดมอร์ฟีนใต้ผิวหนังผู้ป่วยระยะท้ายที่บ้านบทคัดย่อ
หลักการและวัตถุประสงค์: การบูรณาการระบบการดูแลผู้ป่วยระยะท้ายแบบประคับประคองเข้าไปในนโยบายระบบสุขภาพแห่งชาติของประเทศไทยยังอยู่ในระยะเริ่มต้น การมียามอร์ฟีนใช้อย่างเพียงพอและสามารถเข้าถึงได้ นับเป็นองค์ประกอบสำคัญในการพัฒนาคุณภาพการดูแลแบบประคับประคอง ดังนั้นการศึกษานี้จึงมีวัตถุประสงค์ เพื่อพัฒนาแนวทางการปฏิบัติการให้ยามอร์ฟีนใต้ผิวหนังผู้ป่วยระยะท้ายที่บ้านโดยใช้เครื่อง syringe driverวิธีการศึกษา: แนวทางการปฏิบัตินี้พัฒนาจากการทำงานร่วมกันระหว่างแพทย์ พยาบาลของศูนย์การุณรักษ์ และเภสัชกรในโรงพยาบาลศรีนครินทร์ มีการประชุมและกำหนดนโยบายร่วมกัน ได้แก่ ผู้ที่สั่งยาฉีดมอร์ฟีนให้ผู้ป่วยระยะท้ายนำกลับไปใช้ที่บ้านได้คือแพทย์ในศูนย์การุณรักษ์เท่านั้น ผู้ป่วยที่จำเป็นต้องใช้ยาฉีดมอร์ฟีนที่บ้านจะได้รับยาต่อเนื่องโดยการใช้เครื่อง syringe driver ครอบครัวจะได้รับการสอนเรื่องการใช้เครื่องมือโดยพยาบาล และได้รับอนุญาตจากเภสัชกรให้เบิกยากลับไปใช้ที่บ้านได้ 3-7 วัน พยาบาลทำหน้าที่ในการส่งต่อเครือข่ายประคับประคองใกล้บ้าน ติดตามให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลต่อเนื่องที่บ้าน ครอบครัวสามารถเข้าถึงคำปรึกษาได้ 24 ชั่วโมง มีพยาบาลชุมชนที่อยู่ใกล้บ้าน ทำหน้าที่ในการเตรียมยาให้ผู้ป่วยทุกวันตามแผนการรักษาของแพทย์การุณรักษ์ พร้อมลงบันทึกการเตรียมและการให้ยาลงในสมุดประจำตัวการใช้ยาทางใต้ผิวหนังของผู้ป่วยแบบประคับประคองทุกวัน นอกจากนี้ยังทำหน้าที่ในการเยี่ยมบ้านผู้ป่วยที่นำยาฉีดมอร์ฟีนกลับไปใช้ที่บ้านทุกราย จนกว่าผู้ป่วยจะเสียชีวิต ภายหลังผู้ป่วยเสียชีวิตแล้ว ครอบครัวจะนำเครื่อง syringe driver และขวดยาฉีดมอร์ฟีนฉีดทั้งที่ใช้แล้วและไม่ได้ใช้มาส่งคืนที่ศูนย์การุณรักษ์ พยาบาลศูนย์การุณรักษ์และพนักงานการแพทย์ที่ได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบโปรโตคอลนี้ นับจำนวนยาและตรวจสอบความถูกต้องของขนาดยาที่ใช้จริง ถ้าถูกต้องจะนำยาที่เหลือทั้งหมดส่งคืนให้กับเภสัชกรที่รับผิดชอบงานด้านการดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคอง ของโรงพยาบาลศรีนครินทร์ จากการใช้โปรโตคอลนี้ส่งผลให้ผู้ป่วยระยะท้ายในระยะใกล้เสียชีวิตสามารถกลับบ้านได้ ไม่ทุกข์ทรมานจากอาการไม่สุขสบายก่อนเสียชีวิต ระยะเวลาในการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลสั้นลง จึงได้มีการนำแนวทางการปฏิบัตินี้ไปขยายผลใช้กับโรงพยาบาลทุกแห่งในเขตบริการสุขภาพที่ 7
ผลการศึกษา: พบว่ามีผู้ป่วยระยะท้ายที่นำยาฉีดมอร์ฟีนกลับบ้านโดยใช้เครื่อง syringe driver ในปี พ.ศ. 2558 – 2561ตามลำดับ ร้อยละ 30.52, 34.85, 42.49 และ 11.19 ตามลำดับ ภายหลัง 3 ปี ที่มีการนำแนวทางการปฏิบัตินี้ไปขยายผลอบรมแพทย์และพยาบาลที่รับผิดชอบงานด้านการดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคอง พบว่า ร้อยละ 76.1 ของโรงพยาบาลในเขตบริการสุขภาพที่ 7 มีการให้ยาฉีดมอร์ฟีนที่บ้านโดยใช้เครื่อง syringe driver และพบว่า ร้อยละ 98.5 มีนโยบายในการอนุญาตให้นำยาฉีดมอร์ฟีนกลับไปใช้ที่บ้านผู้ป่วยได้
สรุป แนวทางการปฏิบัตินี้ ช่วยทำให้ทีมสุขภาพมีความมั่นใจในการให้ยาฉีดมอร์ฟีนที่บ้านของผู้ป่วยระยะท้ายในระยะใกล้เสียชีวิตได้ จำนวนผู้ป่วยระยะท้ายที่ปรึกษาศูนย์การุณรักษ์ร่วมดูแลมีจำนวนการใช้ยามอร์ฟีนฉีดที่บ้านลดลง เนื่องจากเครือข่ายมีการนำแนวทางการปฏิบัตินี้ไปใช้มากขึ้น
เอกสารอ้างอิง
2. ทัศนีย์ ทองประทีป.พยาบาล: เพื่อนร่วมทุกข์ผู้ป่วยระยะสุดท้าย. กรุงเทพฯ: วี. พริ้น,2553.
3. ปาริชาติ เพียสุพรรณ์.คู่มือการให้ยาทางใต้ผิวหนังในผู้ป่วยระยะท้ายสำหรับทีมสุขภาพ.ขอนแก่น: ห.จ.ก.โรงพิมพ์คลัง นานาวิทยา,2558.
4. สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา.พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ2522.สืบค้นจาก: http://www.phmc.coj.go.th/doc/data/phmc/phmc_1510039791.pdf [วันที่ 23 ธันวาคม 2561],2560.
5. Healy, s., Israel, F., Reymond, E., Lyons-Micic, M. Caring safety at home palliative care for education for caregivers. Subcutaneous Medications and palliative care: A guide for caregivers. Queensland: The Australian Government Department of health and Ageing,2011.
