เภสัชจลนศาสตร์ประชากรของยาฟีโนบาร์บิทาลในผู้ป่วยโรคลมชัก ณ สถาบันประสาทวิทยา

Authors

  • อัญชลี อรรถอินทรีย์ Department of Pharmacy Practice, Faculty of Pharmaceutical Sciences, Chulalongkorn University, Bangkok
  • ธิตมา วัฒนวิจิตรกุล Department of Pharmacy Practice, Faculty of Pharmaceutical Sciences, Chulalongkorn University, Bangkok
  • สมชาย โตวณะบุตร Neurology, Prasat Neurological Institute, Bangkok

DOI:

https://doi.org/10.69598/tbps.9.1.1-13

Keywords:

โรคลมชัก, ฟีโนบาร์บิทาล, เภสัชจลนศาสตร์ประชากร

Abstract

บทคัดย่อ

ฟีโนบาร์บิทาลเป็นยากันชักที่มีการใช้บ่อยในประเทศที่กำลังพัฒนา แต่มีช่วงการรักษาแคบ และมีความผันแปรระหว่างบุคคลสูง ดังนั้นการตรวจวัดระดับความเข้มข้นของยาในเลือด การหาค่าพารามิเตอร์ทางเภสัชจลนศาสตร์และการศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อความผันแปรระหว่างบุคคลในกลุ่มประชากรที่เฉพาะเจาะจง จึงเป็นประโยชน์ในการกำหนดขนาดยาเพื่อให้ได้ผลการรักษาที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยต่อผู้ป่วย การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อสร้างแบบจำลองทางเภสัชจลนศาสตร์ประชากรที่ใช้ประมาณค่าพารามิเตอร์ทางเภสัชจลนศาสตร์ และหาปัจจัยที่มีผลต่อค่าพารามิเตอร์ทางเภสัชจลนศาสตร์ของฟีโนบาร์บิทาลในผู้ป่วยโรคลมชัก วิเคราะห์ข้อมูลระดับความเข้มข้นของยาฟีโนบาร์บิทาลในเลือด 265 ตัวอย่าง จากผู้ป่วยโรคลมชักจำนวน 164 ราย ที่ได้รับ
ฟีโนบาร์บิทาล และเข้ารับการรักษาในแผนกผู้ป่วยนอกประสาทวิทยา สถาบันประสาทวิทยา สร้างแบบจำลองโดยใช้ nonlinear mixed-effects modeling ด้วยวิธี first-order conditional estimation method with interaction (FOCEI) ใช้แบบจำลองที่มีลักษณะทางเภสัชจลนศาสตร์แบบหนึ่งห้อง มีการดูดซึมและกำจัดยาแปรผันตรงกับความเข้มข้นของยา เพื่อวิเคราะห์หาค่าพารามิเตอร์ทางเภสัชจลนศาสตร์ ร่วมกับหาปัจจัยที่มีผลต่อค่าพารามิเตอร์จากวิธี stepwise forward addition และ stepwise backward elimination อธิบายความผันแปรระหว่างบุคคล (interindividual variability, IIV) และความผันแปรจากสาเหตุอื่น (residual unexplained variability, RUV) โดยใช้ proportional model และทดสอบความถูกต้องของแบบจำลองด้วยวิธี bootstrap จากการสุ่มตัวอย่างทั้งหมด 1,000 กลุ่ม ผลการวิจัยพบว่าแบบจำลองที่เหมาะสมมีอัตราการกำจัดยาเท่ากับ 0.224 ลิตรต่อชั่วโมง ปริมาตรการกระจายยา เท่ากับ 23.0 ลิตร และค่าคงที่อัตราการดูดซึมยาเท่ากับ 1.33 ต่อชั่วโมง ปัจจัยที่มีผลต่ออัตราการกำจัดยาอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ได้แก่ น้ำหนักตัว (body weight, BW) และการใช้
วัลโปรอิกแอซิด (valproic acid, VPA) ร่วมโดย CL/F (ลิตรต่อชั่วโมง) = 0.2240 x (1 + 0.0105 x (BW - 57)) x (1 – (0.2290 x VPA)) ค่าความผันแปรระหว่างบุคคลของอัตราการกำจัดยา เท่ากับร้อยละ 19.52 และค่าความผันแปรจากสาเหตุอื่น เท่ากับร้อยละ 24.15 ช่วงความเชื่อมั่นที่ร้อยละ 95 ของค่าพารามิเตอร์จากแบบจำลองมีค่าใกล้เคียงกับค่าที่ได้จากการทดสอบด้วยวิธี bootstrap ดังนั้นแบบจำลองที่ใช้อธิบายค่าพารามิเตอร์ทางเภสัชจลนศาสตร์ประชากรของยาฟีโนบาร์บิทาล ควรพิจารณาร่วมกับปัจจัยเหล่านี้ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการกำหนดขนาดยาฟีโนบาร์บิทาลที่เหมาะสมในผู้ป่วยโรคลมชักแต่ละรายที่มีลักษณะใกล้เคียงกับกลุ่มประชากรที่ศึกษาในงานวิจัยนี้ เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากที่สุด

Downloads

How to Cite

อรรถอินทรีย์ อ., วัฒนวิจิตรกุล ธ., & โตวณะบุตร ส. (2015). เภสัชจลนศาสตร์ประชากรของยาฟีโนบาร์บิทาลในผู้ป่วยโรคลมชัก ณ สถาบันประสาทวิทยา. Thai Bulletin of Pharmaceutical Sciences, 9(1), 1–13. https://doi.org/10.69598/tbps.9.1.1-13

Issue

Section

บทความวิจัย