ความสัมพันธ์ระหว่างการเพิ่มยารักษาโรคความดันโลหิตสูงกับการควบคุมโรคความดันโลหิตสูงของผู้ป่วยในหน่วยบริการสุขภาพปฐมภูมิสามเหลี่ยม อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น
คำสำคัญ:
increasing of antihypertensive drugs; control of hypertension; Association between the increasing of drugs; การเพิ่มยารักษาโรคความดันโลหิตสูง; การควบคุมความดันโลหิต; ความสัมพันธ์ของการเพิ่มยากับการควบคุมความดันโลหิตบทคัดย่อ
หลักการและวัตถุประสงค์ : โรคความดันโลหิตสูงเป็นโรคที่สำคัญที่ผู้ป่วยกว่าร้อยละ 40 มีผลการรักษาแบบควบคุมไม่ได้ และเกิดภาวะแทรกซ้อนนำไปสู่การเสียชีวิต การเพิ่มยาเป็นสิ่งที่แพทย์ปฏิบัติในการรักษาผู้ป่วยที่ไม่สามารถควบคุมความดันโลหิตได้ ดังนั้นการศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการเพิ่มยาในผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงกับการควบคุมโรคความดันโลหิตสูง และความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยกับการเกิดภาวะแทรกซ้อน
วิธีการศึกษา : เป็นการศึกษาเชิงวิเคราะห์ย้อนหลังจากเหตุไปหาผล ในผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงในชุมชนสามเหลี่ยม จำนวน 1,076 ราย เลือกขนาดตัวอย่าง 220 ราย โดยการสุ่มตัวอย่างแบบง่าย ใช้แบบบันทึกข้อมูลทุติยภูมิจากเวชระเบียนและฐานข้อมูลหน่วยบริการสุขภาพปฐมภูมิสามเหลี่ยม วิเคราะห์และนำเสนอข้อมูลโดยใช้ความถี่ สัดส่วน ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่ามัธยฐาน ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน พิสัยระหว่างควอไทล์ 95% confidence interval, relative risk และ adjusted Odds ratio
ผลการศึกษา : จากแบบบันทึก 220 ชุด พบผู้ป่วยที่ควบคุมความดันโลหิตได้ 132 คน (ร้อยละ 60) โดยการเพิ่มยามีความสัมพันธ์กับการควบคุมโรคความดันโลหิตสูงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (RR 1.41, 95%CI : 1.13-1.77) นอกจากนี้การไม่มีภาวะไขมันในเลือดผิดปกติ (RR 0.52, 95%CI : 0.29-0.96) และการไม่มีโรควินิจฉัยร่วมอื่นๆ (RR 0.45, 95%CI : 0.25-0.83) มีความสัมพันธ์กับการเกิดภาวะแทรกซ้อน รวมถึงค่าเฉลี่ยระดับโพแทสเซียมในเลือดมีความสัมพันธ์กับการเกิดภาวะแทรกซ้อนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p=0.04)
สรุป : การเพิ่มยาทำให้สามารถควบคุมโรคความดันโลหิตสูงเป็น 1.41 เท่าของการไม่เพิ่มยา
