การประเมินผลโครงการบริการนำร่องของโรงพยาบาลอุบลรัตน์ในการป้องกันการเกิดโรคไตเรื้อรังในผู้ป่วยเบาหวานและความดันโลหิตสูง ในเขตสุขภาพที่ 7

ผู้แต่ง

  • Arkhom Bunloet
  • Amorn Premgamone
  • Pattapong Kessomboon

คำสำคัญ:

โรคเบาหวาน; โรคความดันโลหิตสูง; โรคไตเรื้อรัง

บทคัดย่อ

หลักการและวัตถุประสงค์: โรคไตวายระยะสุดท้ายนั้นรักษาไม่หายและมีค่าใช้จ่ายในการดูแลสูงมาก โรงพยาบาลอุบลรัตน์จึงได้ดำเนินโครงการนำร่องโดยอบรมให้ความรู้เรื่องกลุ่มอาการอีสานรวมมิตรและการปฏิบัติตัวแก่ผู้ป่วยโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง ผู้วิจัยจึงสนใจศึกษาผลของโครงการอบรมให้ความรู้ในโครงการดังกล่าวในการป้องกันการเป็นโรคไตเรื้อรังในผู้ป่วย

วิธีการศึกษา: เป็นการศึกษาแบบกึ่งทดลองใช้ข้อมูลผู้ป่วยในโครงการนำร่องของโรงพยาบาลอุบลรัตน์ คัดเลือกกลุ่มตัวอย่างจากผู้ป่วยโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูงอายุ 20-80 ปี ได้กลุ่มศึกษาและกลุ่มควบคุมจำนวน 3,332 และ 3,153 ราย ตามลำดับ ใช้เครื่องมือ 1) แบบบันทึกข้อมูลทั่วไปของผู้ป่วย 2) แบบบันทึกข้อมูลสุขภาพกายและพฤติกรรมสุขภาพ 3) ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ เช่น ค่าอัตราการกรองของไต ค่าน้ำตาลสะสม วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ เพียรสันไคสแควร์ อัตราส่วนออดร่วมกับช่วงเชื่อมั่นร้อยละ 95 และการวิเคราะห์การถดถอยพหุโลจิสติกส์เพื่อหาความสัมพันธ์ระหว่างผลของโครงการต่อการเป็นโรคไตเรื้อรัง

ผลการศึกษา: กลุ่มศึกษาและกลุ่มควบคุมส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง ร้อยละ 70.7 และ 64.9 ตามลำดับ และมีอาชีพเกษตรกร ร้อยละ 77.7 และ 60.4 ตามลำดับ กลุ่มศึกษาที่ผ่านโครงการสามารถลดสัดส่วนของการเป็นโรคไตเรื้อรังได้มากกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ [adjusted OR= 0.55 (95% CI: 0.46, 0.67)] และสัดส่วนของการควบคุมเบาหวานและความดันโลหิตที่คุมได้ดีในกลุ่มศึกษาเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุม แต่ไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ [adjusted OR = 1.03 (95% CI : 0.89, 1.21) และ 1.04 (95% CI : 0.93– 1.17), ตามลำดับ] นอกจากนี้ กลุ่มศึกษาที่ผ่านโครงการมีสัดส่วนของการใช้ยาต้านการอักเสบ (NSAIDs) ลดลงกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ [adjusted OR = 0.39 (95% CI : 0.29, 0.52)]

สรุป: ผลการอบรมให้ความรู้ดังกล่าวแก่ผู้ป่วยโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูงนั้นมีโอกาสป้องกันการเป็นโรคไตเรื้อรังและลดการใช้ยา NSAIDs ได้

เอกสารอ้างอิง

1. ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น. อาการวิทยาทางอายุรศาสตร์. พิมพ์ครั้งที่ 3. ขอนแก่น: หจก.โรงพิมพ์คลังนานา; 2558.
2. อมร เปรมกมล, อภิสิทธิ์ ธำรงวรางกูร, วิชัย อัศวภาคย์, ปัตพงษ์ เกษสมบูรณ์, ทานทิพย์ ธำรงวรางกูร, วรุณยุพา พรพลทอง. โครงการจัดการโรคติดเชื้อในทาง เดินปัสสาวะเพื่อลดผู้ป่วยไตวาย ในผู้ป่วยเบาหวาน ในพื้นที่ ๖ อำเภอ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ. ขอนแก่น; 2559.
3. อมร เปรมกมล. “อีสานรวมมิตร”สรุปผลงานวิจัยเกี่ยวกับนิ่วไตอีสานรวมมิตรการักษาและความสัมพันธ์กับการเสื่อมของไต. วารสารคลินิก 2551; 24: 241–51.
4. อมร เปรมกมล. “อีสานรวมมิตร” กลุ่มอาการทางคลินิกที่แพทย์เวชปฏิบัติทั่วไปไม่ควรมองข้าม. วารสารคลินิก 2554; 27: 927–34.
5. Premgamone A, Ditsatapornjaroen T, Maskasem S, Sinsupan N, Apinives C, Sriboonlue P. A long-term study on the efficacy of a herbal plant, Orthosiphon grandiflorus, and sodium potassium citrate in treatment renal calculi. Southeast Asian J Trop Med Public Heal 2001; 32: 654–60.
6. Dalla-Palma, Pozzi-Mucelli. Diagnosis of chronic pyelonephritis [Internet]. 2000 [cited Apr 2, 2017]. Available from: http://www.urology-textbook.com/chronic-pyelonephritis.html
7. Panduangkaew R, Premgamone A, Kessomboon P, Thepwongsa I. The Prevalence and Associated Factors of the Chronic Pyelonephritis among the Diabetic Patients in Chatturat Hospital , Chaiyapoom Province . Srinagarind Med J 2016; 31: 59–69.
8. Nganwai C, Premgamone A, Panduangkaew R, Ketsomboon P, Bunloet A, Ditsataporncharoen T. Search The Prevalence and Associated Factors of the Chronic Pyelonephritis among the Hypertensive Patients at Phukieo Hospital, Chaiyapoom Province. Srinagarind Med J 2016; 31: 399–408.
9. Premgamone A, Sriboonlue P, Maskasem S, Ditsatapornjaroen T. Efficacy of Orthosiphon and Norfloxacin in Treatments of the Patients with Multiple Chronic Health Complaints under Restriction of Purine-Rich Food. J Thai Tradit Altern Med 2008; 6: 166–76.
10. Premgamone A, Sriboonlue P, Maskasem S, Ditsataporncharoen W, Jindawong B. Orthosiphon versus Placebo in Nephrolithiasis with Multiple Chronic Complaints: A Randomized Control Trial. Evidence-Based Complement Altern Med [Internet]. 2009; 6: 495–501. [cited Apr 2, 2017]. Available from: http://www.hindawi.com/journals/ecam/2009/687240/
11. Batmanghelidj F. Your Body’s Many Cries For Water. 3rd ed. Global Health Solutions, Inc.; 2008.
12. สมศักดิ์ วรคามิน. Water For Life–น้ำในอุดมคติ. กรุงเทพมหานคร: สามเจริญพาณิชย์; 2549.
13. Lalita Wilaingam, Suwannasri J, Nattawat Srijundraphan, Moonwongz S, Pichai P, Rungwiriyawanich P, et al. Water drinking per day and knowledge regarding drinking water by 4th through 6th year medical students at the Faculty of Medicine, KKU. Khon Kaen; 2010.
14. สมบัติ บวรผดุงกิตติ, พจน์ ศรีบุญลือ, เกรียง ตั้งสง่า. อัตราการเกิดนิ่วใหม่ภายหลังการผ่าตัดนิ่วไตในโรงพยาบาลขอนแก่น. ขอนแก่นเวชสาร 2536; 2: 13–9.
15. กัญจน์ณัฎฐ์ เจริญชัย. ผลของการพัฒนารูปแบบการดูแลผู้ป่วยโรคเบาหวานในชุมชนโดยอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านนักบริบาลผู้ป่วยเบาหวาน DM Excellence Care Giver จังหวัดอำนาจเจริญ. วารสารการพัฒนาสุขภาพชุมชน มหาวิทยาลัยขอนแก่น 2560; 5: 133–51.
16. อัญชลี ทะสุใจ. ผลของโปรแกรมส่งเสริมสมรรถนะแห่งตนต่อพฤติกรรมการควบคุมเบาหวาน ในผู้ที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2. วารสารสาธารณสุขสารภี 2556; 4: 15–9.
17. บุญจันทร์ วงศ์สุนพรัตน์, ฉัตรประอร งามอุโฆษ, น้ำเพชร สายบัวทอง. การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของผู้เป็นเบาหวานภายหลังเข้าโครงการอบรมความรู้การจัดการเบาหวานด้วยตนเองแบบกลุ่ม. รามาธิบดีพยาบาลสาร 2551; 14: 289–97.
18. สุรพล อริยะเดช. ผลของการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพในการป้องกัน และควบคุมโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง ของข้าราชการอำาเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง. วารสารศูนย์การศึกษาแพทยศาสตร์คลินิก โรงพยาบาลพระปกเกล้า 2555; 29: 205–16.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2018-08-21

รูปแบบการอ้างอิง

1.
Bunloet A, Premgamone A, Kessomboon P. การประเมินผลโครงการบริการนำร่องของโรงพยาบาลอุบลรัตน์ในการป้องกันการเกิดโรคไตเรื้อรังในผู้ป่วยเบาหวานและความดันโลหิตสูง ในเขตสุขภาพที่ 7. SRIMEDJ [อินเทอร์เน็ต]. 21 สิงหาคม 2018 [อ้างถึง 28 ธันวาคม 2025];33(5):421-30. available at: https://li01.tci-thaijo.org/index.php/SRIMEDJ/article/view/141469

ฉบับ

ประเภทบทความ

Original Articles