ความชุกและปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับกลุ่มอาการผิดปกติทางระบบโครงร่างและกล้ามเนื้อในเกษตรกรเก็บใบชา ตำบลเทอดไทย อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย
คำสำคัญ:
ระบบโครงร่าง; กล้ามเนื้อ; เกษตรกรบทคัดย่อ
หลักการและวัตถุประสงค์: กลุ่มอาการผิดปกติทางระบบโครงร่างและกล้ามเนื้อพบมากขึ้นในกลุ่มเกษตรกรการศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความชุกของกลุ่มอาการผิดปกติทางระบบโครงร่างและกล้ามเนื้อและความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยด้านการยศาสตร์และกลุ่มอาการผิดปกติทางระบบโครงร่างและกล้ามเนื้อในกลุ่มเกษตรกรเก็บใบชา
วิธีการศึกษา: การศึกษานี้เป็นการศึกษาเชิงพรรณนาภาคตัดขวางในเกษตรบ้านพญาไพรเล่ามา บ้านพญาไพรเล่าจอ และบ้านพญาไพรลิทู่ ตำบลเทอดไทย อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย จำนวน 167 ราย เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน ในระหว่างเดือนกรกฎาคมถึงกันยายน พ.ศ. 2558 ด้วยแบบสอบถาม 1) แบบสอบถามการสัมผัสปัจจัยการยศาสตร์ และ 2) แบบสอบถามกลุ่มอาการผิดปกติระบบโครงร่างและกล้ามเนื้อปรับปรุงจากแบบสอบถามมาตรฐานนอร์ดิค และวิเคราะห์สถิติเชิงอนุมานด้วยสถิติไคสแควร์ เพื่อวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของปัจจัยด้านการยศาสตร์และกลุ่มอาการผิดปกติทางระบบโครงร่างและกล้ามเนื้อ
ผลการศึกษา: พบว่าความชุกของกลุ่มอาการผิดปกติทางระบบโครงร่างและกล้ามเนื้อในช่วง 7 วันและ 12 เดือนที่ผ่านมา เท่ากับ ร้อยละ 46.7 และ 85.0 ตามลำดับ โดยในช่วง 7 วัน พบอาการผิดปกติมากที่สุด บริเวณหลังส่วนล่าง (ร้อยละ 67.7) บริเวณหัวเข่า (ร้อยละ 42.5) และบริเวณไหล่ (ร้อยละ 41.3) ตามลำดับ ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาพบอาการผิดปกติมากที่สุด บริเวณหลังส่วนล่าง (ร้อยละ 88.0) บริเวณไหล่ (ร้อยละ 61.7) และบริเวณคอ (ร้อยละ 50.3) ปัจจัยด้านการยศาสตร์ พบว่า ด้านท่าทางการทำงานไม่เหมาะสม ร้อยละ 65.3 และด้านท่าทางการทำงานซ้ำซากที่ทำเป็นระยะเวลานานเกิน 2 ชั่วโมงต่อวัน ร้อยละ 78.4 ผลการวิเคราะห์ทางสถิติ พบความสัมพันธ์กันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.05) ระหว่างปัจจัยด้านการยศาสตร์และอาการผิดปกติระบบโครงร่างและกล้ามเนื้อในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา
สรุป: ผลการศึกษาชี้ให้เห็นว่าปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดอาการผิดปกติระบบโครงร่างและกล้ามเนื้อจากการทำงานเป็นปัญหาในเกษตรกรผู้เก็บใบชา ปัจจัยด้านท่าทางการทำงานที่ไม่เหมาะสมและท่าทางการทำงานซ้ำซากทำเป็นระยะเวลานานเกิน 2 ชั่วโมงต่อวัน ควรนำมาพิจารณาประกอบเพื่อปรับปรุงขั้นตอนการทำงานและท่าทางการทำงาน
เอกสารอ้างอิง
2. รุ้งทิพย์ พันธุเมธากุล, วัณทนา ศิริธราธิวัตร, ยอดชาย บุญประกอบ, วิชัย อึงพินิจพงศ์, มณเฑียร พันธุเมธากุล. ความชุกและภาวะความผิดปกติของระบบกระดูกและกล้ามเนื้อในชาวนา: กรณีศึกษาตำบลศิลา อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น. วารสารเทคนิคการแพทย์และกายภาพบำบัด 2554; 23: 297-303.
3. อรวรรณ แซ่ตั๋น, จิราพร เขียวอยู่, ชุลี โจนส์, ดุษฎี อายุวัฒน์. ความผิดปกติทางระบบโครงร่างและกล้ามเนื้อในแรงงานก่อสร้างย้ายถิ่นชั่วคราวจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ.ศรีนครินทร์เวชสาร 2550; 22: 165-73.
4. สำนักความปลอดภัยแรงงาน กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน. สถานการณ์การดำเนินงานด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัยของประเทศไทย ปี 2558. กรุงเทพฯ: บจก.พินนาเคิล แอดเวอร์ไทซิ่ง; 2558.
5. Bernard BP, editors. Musculoskeletal disorders and workplace factors: a critical review of epidemiologic evidence for work-relatedmusculoskeletal disorders of the neck, upper extremity, and low back. Cincinnati: National Institute for Occupational Safety and Health; 1997.
6. Davis KG, Kotowski SE. Understanding the ergonomic risk for musculoskeletal disorders in the United States agricultural sector. Am J Ind Med 2007;50:501-11.
7. สุจิตรา จอมพันธ์, วิโรจน์ จันทร, สรัญญา ถี่ป้อม, จุฑารัตน์ รักประสิทธิ์. ปัจจัยเสี่ยงที่สัมพันธ์กับอาการปวดหลังส่วนล่าง ในคนงานนั่งเก็บลำไย ในบ้านดิบน้อย อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน. ธรรมศาสตร์เวชสาร 2560; 17: 163-71.
8. สำนักงานเกษตรอำเภอแม่ฟ้าหลวง. สถิติการเกษตร [อินเทอร์เนต]. 2557 [เข้าถึงเมื่อ 1 กรกฎาคม 2558]. เข้าถึงได้จาก:http://maefaluang.chiangrai.doae.go.th/
9. Chee HL, Rampal KG. Work-related musculoskeletal problems among women workers in the semiconductor industry in Peninsular Malaysia. Int J Occup Environ Health 2004; 10: 63-71.
10. Kuorinka I, Jonsson B, Kilbom A, Vinterberg H, Biering-Sørensen F, Andersson G, et al. Standardised nordic questionnaires for the analysis of musculoskeletal symptoms. Appl Ergon 1987; 18: 233-7.
11. Sheetal K, Bharti A, Sonia P. Cross sectional survey of work related musculoskeletal disorders and associated risk factors among female farmers in rural areas of Haryana, India. Indian J Physiother Occup Ther 2016; 10: 149-54.
12. Punnett L, Wegman DH. Work-related musculoskeletal disorder: the epidemiologic evidence and the debate. J Electromyogr Kinesiol 2004; 14: 13-23.
13. Nordin M, Andersson GBJ, Pope MH, editors. Musculoskeletal disorders in the workplace: principles and practice. 2nd ed. St Louis: Mosby; 2006.
14. นริศ เจริญพร. การยศาสตร์. กรุงเทพฯ: ภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์; 2543.
15. Park H, Sprince NL, Whitten PS, Burmeister LF, Zwerling C. Risk factors for back pain among male farmers: analysis of Iowa farm family health and hazard surveillance study. Am J Ind Med 2001;40: 646-54.
