ผลการประเมินความเข้มแข็งของการสร้างและใช้ธรรมนูญสุขภาพเฉพาะพื้นที่ ในมุมมองของประชาชน จังหวัดอำนาจเจริญ
คำสำคัญ:
การประเมินผลแบบเสริมพลัง; ระดับความเข้มแข็ง; การสร้างและใช้ธรรมนูญสุขภาพเฉพาะพื้นที่บทคัดย่อ
หลักการและวัตถุประสงค์: จังหวัดอำนาจเจริญ มีการจัดทำและประกาศใช้ธรรมนูญสุขภาพ เพื่อขับเคลื่อนการสร้างสุขภาวะประชาชนอย่างต่อเนื่อง แต่ยังไม่มีผลลัพธ์ในมุมมองของประชาชนที่เป็นผูรับผลประโยชน์ การศึกษาครั้งนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลการประเมินความเข้มแข็งของการสร้างและใช้ธรรมนูญสุขภาพ และเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างการรับรู้ ความพึงพอใจกับความเข้มแข็งของการสร้างและใช้ธรรมนูญสุขภาพ
วิธีการศึกษา: เป็นการศึกษาประเมินผลแบบเสริมพลัง ในกลุ่มตัวอย่างประชาชน 395 ราย โดยใช้ตารางเครจซี่และมอร์แกน สุ่มตำบลละ 1 หมู่บ้าน และสุ่มครัวเรือนตามสัดส่วนประชากร สัมภาษณ์หัวหน้าครอบครัว หรือตัวแทนครัวเรือนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป เก็บข้อมูลโดยใช้แบบประเมินผลธรรมนูญสุขภาพ ในคณะกรรมการขับเคลื่อนธรรมนูญสุขภาพตำบล และแบบสัมภาษณ์การรับรู้และความพึงพอใจของประชาชนที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น ซึ่งมีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.83 วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนาและสถิติเชิงอนุมานด้วย Binary logistic regression โดยใช้จุดตัดระดับความเข้มแข็งที่ระดับ A ขึ้นไป
ผลการศึกษา: ผลการประเมินความเข้มแข็งของการสร้างและใช้ธรรมนูญสุขภาพ ประชาชนส่วนใหญ่ประเมินอยู่ในระดับ C ด้านการรับรู้และความพึงพอใจในกลุ่มตัวอย่าง 395 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง (ร้อยละ 83.0) มีอายุเฉลี่ย 44.83 ±10.22 ปี จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (ร้อยละ 34.9) เคยได้รับความรู้ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับธรรมนูญสุขภาพ (ร้อยละ 84.1) และเคยเข้าร่วมกิจกรรมประชาคมและกิจกรรมที่มาจากธรรมนูญสุขภาพ (ร้อยละ 84.3) มีเพียงครึ่งหนึ่งที่มีระดับการรับรู้และความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก (ร้อยละ 50.9) เท่ากัน ซึ่งระดับการรับรู้และความพึงพอใจของประชาชนมีความสัมพันธ์กับระดับความเข้มแข็งอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<.001)
สรุป: ผลประเมินระดับความเข้มแข็งของประชาชนส่วนใหญ่ประเมินให้อยู่ในระดับ C โดยระดับการรับรู้และความพึงพอใจของประชาชนที่แตกต่างกันมีผลต่อการประเมินระดับความเข้มแข็งของการสร้างและใช้ธรรมนูญสุขภาพแตกต่างกัน
เอกสารอ้างอิง
2. อนุศักดิ์ สุภาพร. การวิจัยประเมินผลการจัดทำธรรมนูญสุขภาพเฉพาะพื้นที่ เพื่อจัดทำแผนปฏิบัติการของสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม. นนทบุรี: สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม; 2557.
3. สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ. ธรรมนูญสุขภาพเฉพาะพื้นที่ [อินเตอร์เน็ต]. [เข้าถึงเมื่อ 20มกราคม 2561]. เข้าถึงได้จาก: https://phpp.nationalhealth.or.th/พื้นที่ประกาศใช้, 2015.
4. สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอำนาจเจริญ. รายงานประจำปี 2559. อำนาจเจริญ: สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอำนาจเจริญ; 2559.
5. สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ. หลักเกณฑ์และวิธีการประเมินผลกระทบด้านสุขภาพที่เกิดจากนโยบายสาธารณะ. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ: วนิดาการพิมพ์; 2553.
6. วันรพี สมณช้างเผือก และ คณะทำงานสมัชชาพิจารณ์หลักประกันสุขภาพแห่งชาติเขต 8 อุดรธานี. คู่มือการประเมินเสริมพลังธรรมนูญสุขภาพ เพื่อการกำกับติดตามและประเมินผลแบบเสริมพลัง กระบวนการจัดทำธรรมนูญสุขภาพ สู่การจัดการตำบลสุขภาพต้นแบบโดยกองทุนหลักประกันสุขภาพระดับท้องถิ่น. อุดรธานี: โรงพิมพ์ ศักดิ์ศรีอักษรการพิมพ์; 2560.
7. John W. Best, James V. Kahn. Research in Education. 5th ed. New Jersey: Prentice Hall Inc.; 1986.
8. สำนักงานวิจัยและพัฒนาระบบสุขภาพชุมชน (สพช.). นโยบายสาธารณะ : เครื่องมือการขับเคลื่อนระบบสุขภาพชุมชน. การประชุมมหกรรมสุขภาพชุมชน ครั้งที่ 2 จากความรู้สู่ระบบจัดการใหม่ จินตนาการเป็นจริงได้ไม่รู้จบ วันที่ 19 มกราคม 2555 ณ อาคารอิมแพ็ค คอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี; 2555.
9. กฤตยา อาชวนิจกุล, กุลภา วจนสาระ. บทสำรวจวาทกรรมและการเมืองเรื่องสมัชชาสุขภาพ. วารสารสังคมศาสตร์ 2551; 20: 114-42.
10. เดชรัต สุขกำเนิด. รายงานการประเมินผลและทบทวนแนวคิดการนำธรรมนูญว่าด้วยระบบสุขภาพแห่งชาติไปใช้ในการขับเคลื่อนระบบสุขภาพและสังคมไทย.นนทบุรี: สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุขและสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ; 2556.
