ผลลัพธ์ของการผ่าตัดผ่านกล้องเพื่อเอาเนื้องอกมดลูกออก ในโรงพยาบาลศรีนครินทร์
คำสำคัญ:
การผ่าตัดผ่านกล้องเพื่อเอาเนื้องอกมดลูกออก; ผลลัพธ์ขณะทำการผ่าตัด; ผลลัพธ์หลังการผ่าตัดบทคัดย่อ
วัตถุประสงค์: เพื่อศึกษาผลลัพธ์จากกการผ่าตัดผ่านกล้องเพื่อเอาเนื้องอกมดลูกออก ในช่วงระหว่างผ่าตัดและหลังผ่าตัด ในโรงพยาบาลศรีนครินทร์
วิธีการศึกษา: ทำการศึกษาย้อนหลังของการผ่าตัดผ่านกล้องเพื่อเอาเนื้องอกมดลูกออก จากข้อมูลการผ่าตัด และจากฐานข้อมูลของพยาธิวิทยา ระหว่างเดือน กรกฎาคม พ.ศ.2561 ถึง มิถุนายน พ.ศ.2562 จำนวน 11 รายที่ได้รับการผ่าตัดผ่านกล้องเพื่อเอาเนื้องอกมดลูกออกที่ใช้เทคนิคเหมือนกันในการผ่าตัด และนำเสนอข้อมูลพื้นฐานทั่วไป เช่น อายุ น้ำหนัก ส่วนสูง จำนวนการตั้งครรภ์ อาการที่เกิดจากเนื้องอกมดลูก การใช้ยาฉีด GnRH agonist ก่อนผ่าตัด ข้อมูลของเนื้องอกมดลูกขณะทำการผ่าตัด เช่น ชนิด จำนวน ขนาด ขนาดเนื้องอกที่ใหญ่ที่สุด และผลลัพธ์ขณะและหลังการผ่าตัด
ผลการศึกษา: ค่าเฉลี่ยอายุ และดัชนีมวลกายของคนไข้ที่ได้รับการผ่าตัดผ่านกล้องเพื่อเอาเนื้องอกมดลูกออก คือ 35.5 ปี และ 22.7 กิโลกรัม/ตารางเมตร ตามลำดับ ข้อบ่งชี้ที่ได้รับการผ่าตัดที่พบมากที่สุด คือ การที่มีเลือดประจำเดือนออกมากผิดปกติ และมีอาการปวดประจำเดือน/ปวดท้องน้อยร่วมด้วย การผ่าตัดผ่านกล้องเพื่อเอาเนื้องอกมดลูกออกสำเร็จ จำนวน 10 รายจากทั้งหมด 11 ราย (ร้อยละ 90.0) ค่าเฉลี่ยของปริมาณเลือดที่เสียไปจากการผ่าตัด และค่าเฉลี่ยของระยะเวลาการผ่าตัด คือ 320.0 มิลลิลิตร และ 155.4 นาที ตามลำดับ ค่ากลางของระยะเวลาที่ผู้ป่วยรักษาตัวในโรงพยาบาลหลังผ่าตัด คือ 3 วัน จากการศึกษาไม่พบภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัด เช่น แผลติดเชื้อ การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ ภาวะแทรกซ้อนจากทางเดินหายใจ ภาวะแทรกซ้อนจากระบบหัวใจและหลอดเลือด หรือ การที่ต้องมาผ่าตัดซ้ำ หลังผ่าตัดมีผู้ป่วย 1 รายตั้งครรภ์ (ร้อยละ 9.1)
สรุป: การผ่าตัดผ่านกล้องเพื่อเอาเนื้องอกมดลูกออกต้องอาศัยทักษะในการผ่าตัดขั้นสูง การประเมินคนไข้ก่อนทำการผ่าตัดเป็นสิ่งสำคัญ จากประสบการณ์การผ่าตัดที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ การผ่าตัดผ่านกล้องเพื่อเอาเนื้องอกมดลูกออกถือว่าเป็นการผ่าตัดที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยเพื่อรักษาผู้ป่วยที่ต้องการเก็บมดลูกเอาไว้
เอกสารอ้างอิง
2. Lagana AS, Vergara D, Favilli A, La Rosa VL, Tinelli A, Gerli S, et al. Epigenetic and genetic landscape of uterine leiomyomas: a current view over a common gynecological disease. Arch Gynecol Obstet 2017; 296: 855–67.
3. De La Cruz MSD, Buchanan EM. Uterine Fibroids: Diagnosis and Treatment. Am Fam Physician 2017; 95: 100–7.
4. Bean EMR, Cutner A, Holland T, Vashisht A, Jurkovic D, Saridogan E. Laparoscopic Myomectomy: A Single-center Retrospective Review of 514 Patients. J Minim Invasive Gynecol 2017; 24: 485–93.
5. Cohen SL, Senapati S, Gargiulo AR, Srouji SS, Tu FF, Solnik J, et al. Dilute versus concentrated vasopressin administration during laparoscopic myomectomy: a randomised controlled trial. BJOG Int J Obstet Gynaecol 2017; 124: 262–8.
6. Chen I, Motan T, Kiddoo D. Gonadotropin-releasing hormone agonist in laparoscopic myomectomy: systematic review and meta-analysis of randomized controlled trials. J Minim Invasive Gynecol 2011; 18: 303–9.
7. Glaser LM, Friedman J, Tsai S, Chaudhari A, Milad M. Laparoscopic myomectomy and morcellation: A review of techniques, outcomes, and practice guidelines. Best Pract Res Clin Obstet Gynaecol 2018; 46: 99–112.
8. Bhave Chittawar P, Franik S, Pouwer AW, Farquhar C. Minimally invasive surgical techniques versus open myomectomy for uterine fibroids. Cochrane Database Syst Rev 2014; CD004638.
9. Sizzi O, Rossetti A, Malzoni M, Minelli L, La Grotta F, Soranna L, et al. Italian multicenter study on complications of laparoscopic myomectomy. J Minim Invasive Gynecol 2007; 14: 453–62.
