ผลของการให้ยาฉีดขับธาตุเหล็ก Desferrioxamineโดยการใช้เข็มปีกผีเสื้อแทงคาเข็มไว้ใต้ผิวหนังในผู้ป่วยโรคธาลัสซีเมีย
คำสำคัญ:
ยาขับธาตุเหล็ก desferrioxamine; โรคธาลัสซีเมีย; เข็มปีกผีเสื้อ; ใต้ผิวหนังบทคัดย่อ
หลักการและวัตถุประสงค์: ธาลัสซีเมียเป็นโรคทางโลหิตวิทยาที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม ให้การรักษาแบบประคับประคอง โดยการให้เลือด และยาขับธาตุเหล็ก การศึกษาในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของการให้ยาฉีดขับธาตุเหล็ก desferrioxamineโดยวิธีใช้เข็มปีกผีเสื้อแทงคาเข็มใต้ผิวหนัง
วิธีการศึกษา: เป็นการศึกษาในผู้ป่วยโรคธาลัสซีเมียที่มารับการตรวจรักษาที่ห้องตรวจกุมารเวชกรรม โรงพยาบาลศรีนครินทร์ดำเนินการในช่วงระหว่างเดือน มกราคม-ตุลาคม 2556 กลุ่มตัวอย่างมีอายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไป จำนวน 30 ราย เก็บข้อมูลโดยใช้แบบสัมภาษณ์ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้นมา วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ความถี่ ร้อยละค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการศึกษา: พบว่าการให้ยาฉีดขับธาตุเหล็กโดยการใช้เข็มปีกผีเสื้อแทงคาเข็มไว้ใต้ผิวหนังในผู้ป่วยโรคธาลัสซีเมียทำให้ผู้ป่วยร้อยละ 50 มีระดับธาตุเหล็กสะสมลดลง ผู้ป่วยทุกรายคิดเป็นร้อยละ100 สามารถเตรียมยาและฉีดยาได้อย่างถูกต้องและมีความพึงพอใจในระดับมาก ดังนั้นควรสนับสนุนให้ผู้ป่วยโรคธาลัสซีเมียฉีดยาโดยวิธีนี้ต่อไป
สรุป:การให้ยาฉีดขับธาตุเหล็ก desferrioxamine โดยการใช้เข็มปีกผีเสื้อแทงคาเข็มไว้ใต้ผิวหนังในผู้ป่วยโรคธาลัสซีเมีย ช่วยลดจำนวนครั้งในการแทงเข็มฉีดยา เป็นวิธีการที่มีความปลอดภัย ผู้ป่วยและผู้ดูแลมีความพึงพอใจต่อการให้ยาโดยวิธีนี้ในระดับมาก
เอกสารอ้างอิง
2. สมศักดิ์ ภัทรกุลวณิชย์. สถานการณ์และแนวคิดในการป้องกันและควบคุมโรคธาลัสซีเมียของประเทศไทย. นนทบุรี: กรมอนามัย, 2549.
3. จิรัญญา บุรีมาศ. ภาวะผิดปกติในการทำงานของเซลล์บุผิวหลอดเลือดในผู้ป่วยธาลัสซีเมีย. ศรีนครินทร์เวชสาร 2550; 22: 190–4.
4. อรุณี เจตศรีสุภาพ. ธาลัสซีเมียแบบองค์รวม. ขอนแก่น: ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น, 2552.
5. งานเวชระเบียนและสถิติ โรงพยาบาลศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น. สถิติผู้ป่วยโรงพยาบาลศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ประจำปี 2555 เล่มที่ 17. ขอนแก่น: โรงพยาบาล, 2556.
6. รื่นฤดี แก่นนาค. รายงานวิจัย. การศึกษานำร่องการฉีดยาขับธาตุเหล็กในผู้ป่วยโรคธาลัสเซียเมียโดยวิธีคาเข็มใต้ผิวหนัง. ขอนแก่น: ห้องตรวจกุมารเวชกรรม โรงพยาบาลศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น, 2554.
7. งานบริการพยาบาล โรงพยาบาลศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น. Research utilization project การใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ในการพัฒนาแนวปฏิบัติการพยาบาลเรื่อง การใช้สารละลายหล่อเลือดดำเพื่อป้องกันลิ่มเลือดอุดตันปลายเข็มฉีดยาชนิดล็อก. ขอนแก่น: โรงพยาบาล; 2551.
8. ประคองกรรณสูต.สถิติเพื่อการวิจัยทางพฤติกรรมศาสตร์ศาสตร์. พิมพ์ครั้งที่ 3 ฉบับปรับปรุงแก้ไขกรุงเทพฯสำนักพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2542.
9. Ricchi P, Meloni A, Pistoia L, Spasiano A, Spiga A, Allò M, et al. The effect of desferrioxamine chelation versus no therapy in patients with non transfusion-dependent thalassaemia: a multicenter prospective comparison from the MIOT network. Ann Hematol 2018; 97: 1925–32.
10. Di Gregorio F, Leonardi C, Sciuto C, Cannella A, Pizzarelli G. [Intensive intravenous chelation in thalassemic patients with iron overload] [Article in Italian]. Minerva Pediatr 1998; 50: 81–5.
11. Wali YA, Taqi A, Deghaidi A. Study of intermittent intravenous deferrioxamine high-dose therapy in heavily iron-loaded children with beta-thalassemia major poorly compliant to subcutaneous injections. Pediatr Hematol Oncol 2004; 21: 453–60.
12. นิภาพรรณ บุญช่วย, วนิดา เสนะสุทธิพันธ์, นงลักษณ์ จินตนาดิลก, กลีบสไบ สรรพกิจ. ผลของโปรแกรมการสอนต่อความรู้และพฤติกรรมการดูแลของผู้ดูแลผู้ป่วยเด็กโรคธาลัสซีเมีย. วารสารพยาบาลศาสตร์ 2559; 34: 41–53.
13. นอลีสา สูนสละ, นรลักขณ์ เอื้อกิจ. ผลของโปรแกรมส่งเสริมการรับรู้สมรรถนะแห่งตนต่อพฤติกรรมการดูแลตนเองของเด็กวัยเรียนโรคธาลัสซีเมีย. วารสารพยาบาลศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 2559; 28: 103–12.
14. อภิชญา อารีเอื้อ, สงครามชัย ลีทองดี, สุนทร ยนต์ตระกูล. รูปแบบการปรับปรุงคุณภาพการดูแลในสถานบริการสำหรับผู้ป่วยเรื้อรัง:กรณีคลินิกเด็กธาลัสซีเมียโรงพยาบาลกาฬสินธุ์. วารสารคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา 2560; 25: 42–50.
