ค่าใช้จ่ายสำหรับการรักษาผู้ป่วยปากแหว่งเพดานโหว่ การศึกษาในกลุ่มผู้ป่วยใน โรงพยาบาลทันตกรรม คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
คำสำคัญ:
ภาวะปากแหว่งเพดานโหว่; ค่ารักษาพยาบาลสำหรับการรักษาผู้ป่วยปากแหว่งเพดานโหว่; การปลูกถ่ายกระดูกสันเหงือกบทคัดย่อ
หลักการและวัตถุประสงค์: การศึกษาค่าใช้จ่ายการรักษาผู้ป่วยปากแหว่งเพดานโหว่ ในกลุ่มผู้ป่วยของ โรงพยาบาลทันตกรรม เพื่อเป็นข้อมูลพื้นฐานในการกำหนดนโยบายของหน่วยงานและเป็นประโยชน์ในการจัดสรรงบประมาณและพัฒนาการดูแลผู้ป่วยภาวะปากแหว่งเพดานโหว่ต่อไป
วิธีการศึกษา: การศึกษาเชิงพรรณนาแบบย้อนหลัง 3 ปี (พ.ศ. 2559 – 2561) ในผู้ป่วย Cleft lip and Cleft palate (CLP) จากแฟ้มเวชระเบียน ระบุความผิดปกติโดยรหัส ICD-10 ระบุหัตถการในระบบ E-claim จำแนกหัตถการย่อยโดยรหัส ICD -9 รวบรวมค่ารักษาจากรายงานหน่วยการเงิน ใช้โปรแกรมสำเร็จรูป Microsoft Excel เก็บข้อมูล และวิเคราะห์โดยใช้สถิติ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการศึกษา: พบว่า ผู้ป่วย CLP 131 ราย เป็นเพศหญิง 73 ราย (ร้อยละ 55.73) อายุระหว่าง 11 – 15 ปี 55 ราย (ร้อยละ 41.98) ใช้สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ 121 ราย (ร้อยละ 92.37) ได้รับการผ่าตัดการปลูกถ่ายกระดูกสันเหงือก (alveolar bone grafting , ABG ) โดยใช้กระดูกปีกสะโพก (Iliac crest bone graft, ICBG) 125 ราย (ร้อยละ 95.42) ใช้รหัส ICD 9 77.79 Excision of bone for graft จำนวน 125 ราย (ร้อยละ 95.42) ค่าผ่าตัดรักษาของ 1.) การปิดช่องทางติดต่อระหว่างช่องปากกับช่องจมูก ( oronasal fistular closure, ONFC ) และ การปลูกถ่ายกระดูกสันเหงือก (alveolar bone grafting , ABG ) , โดยใช้กระดูกปีกสะโพก (Iliac crest bone graft, ICBG) เฉลี่ย 24,122.5 บาท และ 25,532.12 บาท เรียกเก็บนอกเขตได้เฉลี่ย 10,515.84 บาท และ 19,386.24 บาท ตามลำดับ
สรุป: ผู้ป่วย Cleft lip and Cleft palate ( CLP) 131 ราย เป็นเพศหญิง 73 ราย อายุอยู่ในช่วง 11-15 ปี ใช้สิทธิหลักประกันสุขภาพ ได้รับการผ่าตัด การปลูกถ่ายกระดูกสันเหงือก (alveolar bone grafting , ABG ) , โดยใช้กระดูกปีกสะโพก(Iliac crest bone graft, ICBG) และ ใช้รหัส ICD 9 77.79 เป็นส่วนใหญ่ การศึกษานี้แสดงให้เห็นถึงความไม่สมดุลของค่ารักษาพยาบาลจริงที่โรงพยาบาลได้ให้การรักษากับค่ารักษาที่ได้รับการชดเชยกลับคืนจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
เอกสารอ้างอิง
2. Smillie I, Yong K, Harris K, Wynne D, Russell C. Socioeconomic influence on orofacial cleft patient care. Scott Med J 2014; 2: 70-74.
3. ฝ่ายสื่อสารองค์กรและเทคโนโลยี.กรมสุขภาพจิต สถาบันราชานุกูล. ปากแหว่งเพดานโหว่ ตรวจเจอเร็ว รักษาง่าย-โพสต์ทูเดย์ [อินเตอร์เน็ต]. 2558 [เข้าถึงเมื่อ 2563 เมษายน 1]. เข้าถึงได้จาก: https://th.rajanukul.go.th/preview-3385.htmlhttps://th.rajanukul.go.th/preview-3385.html
4. โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์. โรคปากแหว่งเพดานโหว่ (Cleft lip and Cleft palate) [อินเตอร์เน็ต]. 2559 [เข้าถึงเมื่อ 2563 เมษายน 1]. เข้าถึงได้จาก: https://www.spr.go.th/index.php/2013-05-10-13-51-40/2015-07-29-10-33-42/2013-05-15-03-18-29/1419-cleft-lip-and-cleft-palate.html
5. Parent’s guide: A guide to caring for patients with CLP. 2nd Part. Khon Kaen : Klung Nana Withaya, 2011.
6. กองยุทธศาสตร์และแผนงาน สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข. บัญชีจำแนกโรคระหว่างประเทศฉบับประเทศไทย ICD-10-TM. เล่มที่ 1 ตารางการจัดกลุ่มโรค. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ : บริษัท สามเจริพานิชย์ (กรุงเทพ) จำกัด, 2561.
7. Center for classification of diseases. the international classification of diseases. 9th rev. 6th ed. Geneva : World Health Organization Publishing, 2010.
8. กฤษณ์ ขวัญเงิน. เอกสารประกอบการดูแลรักษาผู้ป่วยภาวะปากแหว่งและหรือเพดานโหว่ [อินเตอร์เน็ต]. 2557 [เข้าถึงเมื่อ 2563 เมษายน 1]. เข้าถึงได้จาก https://w1.med.cmu.ac.th/surgery/images/documents/year5/4.pdf
