ปริมาณรังสีที่เลนส์ตาและต่อมไทรอยด์ที่ผู้ป่วยและผู้ปฏิบัติงานได้รับจากการตรวจวิดีโอฟลูออโรสโคปี

ผู้แต่ง

  • สมศักดิ์ วงษ์ศานนท์ ภาควิชารังสีวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
  • เพชรากร หาญพานิชย์ ภาควิชารังสีวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
  • ภัทรา วัฒนพันธุ์ ภาควิชาเวชศาสตร์ฟื้นฟู คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
  • อรุณนิตย์ บุญรอด ภาควิชารังสีวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
  • กันตพงศ์ ใจวงษ์ สาขาวิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
  • ปนัสดา อวิคุณประเสริฐ ภาควิชารังสีวิทยา คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช
  • วิทิต ผึ่งกัน กลุ่มมาตรฐานการวัดทางนิวเคลียร์และรังสี สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ

คำสำคัญ:

ปริมาณรังสีที่เลนส์ตาและต่อมไทรอยด์; ฟลูออโรสโคปี; อุปกรณ์วัดปริมาณโอเอสแอล

บทคัดย่อ

หลักการและวัตถุประสงค์: ตรวจวัดปริมาณรังสีที่เลนส์ตาและไทรอยด์ที่ผู้ป่วยและผู้ปฏิบัติงานได้รับจากการตรวจวิดีโอฟลูออโรสโคปี การสำรวจปริมาณภายในและภายนอกห้องตรวจ และเปรียบเทียบปริมาณรังสีที่เลนส์ตาและไทรอยด์ได้รับเมื่อใช้เทคนิคฟลูออโรสโคปีที่แตกต่างกันในหุ่นจำลองศีรษะ

วิธีการศึกษา: ใช้อุปกรณ์วัดปริมาณโอเอสแอล ติดที่เลนส์ตาและไทรอยด์ในผู้ป่วยและผู้ปฏิบัติงาน และหุ่นจำลองศีรษะ เพื่อวัดค่าปริมาณรังสี และใช้อุปกรณ์วัดปริมาณรังสีโอเอสแอลเพื่อสำรวจปริมาณรังสีภายในและภายนอกห้องตรวจฟลูออโรสโคปี

ผลการศึกษา: ผู้ป่วยได้รับปริมาณรังสีเฉลี่ยสูงสุดที่ไทรอยด์ด้านขวา 645.4 µSv/min ผู้ปฏิบัติงานได้รับปริมาณรังสีเฉลี่ยที่เลนส์ตาในช่วง 1-2.4 µSv/min ปริมาณรังสีภายในและภายนอกห้องฟลูออโรสโคปี มีค่าอยู่ในเกณฑ์ปลอดภัย การเลือกใช้เทคนิคฟลูออโรสโคปีที่ต่างกัน ส่งผลต่อความละเอียดและสัญญาณรบกวนของภาพ และปริมาณรังสีจากเทคนิคการปล่อยรังสีต่อเนื่องมีค่าสูงกว่าการใช้เทคนิคการปล่อยรังสีแบบเป็นจังหวะ

สรุป: การป้องกันอันตรายจากรังสี สามารถทำได้โดยการปรับเปลี่ยนเทคนิคที่ใช้ในการตรวจ การเลือกใช้อุปกรณ์ในการตรวจ การอบรมทบทวนความรู้ให้กับผู้ปฏิบัติงานในด้านการป้องกันอันตรายจากรังสี รวมถึงการที่ผู้ปฏิบัติงานได้รับทราบปริมาณรังสีที่ตนเองได้รับจากการปฏิบัติงานจะช่วยเพิ่มความตระหนักถึงอันตรายจากรังสีมากขึ้น

เอกสารอ้างอิง

1. Mettler FA. Medical effects and risks of exposure to ionising radiation. J Radiol Prot 2012; 32(1): N9–13.
2. Sanchez RM, Vano E, Fernandez JM, Rosati S, Lopez-Ibor L. Radiation doses in patient eye lenses during interventional neuroradiology procedures. Am J Neuroradiol 2016; 37(3): 402–407.
3. Vañó E, Cosset JM, Rehani MM. Radiological protection in medicine: Work of ICRP Committee 3. Ann ICRP 2012; 41(3–4): 24–31.
4. Barnard SGR, Ainsbury EA, Quinlan RA, Bouffler SD. Radiation protection of the eye lens in medical workers-basis and impact of the ICRP recommendations. Br J Radiol 2016; 89(1060): 20151034
5. Donadille L, Carinou E, Brodecki M, Domienik J, Jankowski J, Koukorava C, et al. Staff eye lens and extremity exposure in interventional cardiology: Results of the ORAMED project. Radiat Meas 2011; 46(11): 1203–1209.
6. Chau KHT, Kung CMA. Patient dose during videofluoroscopy swallowing studies in a Hong Kong public hospital. Dysphagia 2009; 24(4): 387–390.
7. Kim HM, Choi KH, Kim TW. Patients’ radiation dose during videofluoroscopic swallowing studies according to underlying characteristics. Dysphagia 2013; 28(2): 153–158.
8. Beck TJ, Gayler BW. Image quality and radiation levels in videofluoroscopy for swallowing studies: A review. Dysphagia 1990; 5(3): 118–128.
9. Geijer H. Radiation dose and image quality in diagnostic radiology. Optimization of the dose-image quality relationship with clinical experience from scoliosis radiography, coronary intervention and a flat-panel digital detector. Acta Radiol Suppl 2002; 43(427): 1–43.
10. Engel-Hills P. Radiation protection in medical imaging. Radiography. 2006;12(2):153–160.
11. Le Heron J, Padovani R, Smith I, Czarwinski R. Radiation protection of medical staff. Eur J Radiol 2010; 76(1): 20–23.
12. Amis Jr. ES, Butler PF. ACR white paper on radiation dose in medicine: Three years later. J Am Coll Radiol 2010; 7(11): 865–870.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2021-01-19

รูปแบบการอ้างอิง

1.
วงษ์ศานนท์ ส, หาญพานิชย์ เ, วัฒนพันธุ์ ภ, บุญรอด อ, ใจวงษ์ ก, อวิคุณประเสริฐ ป, ผึ่งกัน ว. ปริมาณรังสีที่เลนส์ตาและต่อมไทรอยด์ที่ผู้ป่วยและผู้ปฏิบัติงานได้รับจากการตรวจวิดีโอฟลูออโรสโคปี. SRIMEDJ [อินเทอร์เน็ต]. 19 มกราคม 2021 [อ้างถึง 21 ธันวาคม 2025];36(1):24-30. available at: https://li01.tci-thaijo.org/index.php/SRIMEDJ/article/view/248655