ผลของโปรแกรมสร้างเสริมสมรรถนะแห่งตนต่อพฤติกรรมการดูแลของผู้ดูแลผู้สูงอายุสมองบาดเจ็บไม่รุนแรงหลังจำหน่ายกลับบ้านและกลุ่มอาการภายหลังสมองบาดเจ็บ
คำสำคัญ:
สมรรถนะแห่งตน; ผู้ดูแล; ผู้สูงอายุสมองบาดเจ็บไม่รุนแรง; กลุ่มอาการภายหลังสมองบาดเจ็บบทคัดย่อ
หลักการและวัตถุประสงค์ : ผู้สูงอายุสมองบาดเจ็บไม่รุนแรงหลังจำหน่ายกลับบ้านมีอัตราการเสียชีวิตที่เพิ่มสูงขึ้นผู้ดูแลจึงมีบทบาทสำคัญ การศึกษานี้ จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของโปรแกรมสร้างเสริมสมรรถนะแห่งตนต่อพฤติกรรมการดูแลของผู้ดูแลผู้สูงอายุสมองบาดเจ็บไม่รุนแรงหลังจำหน่ายกลับบ้านและกลุ่มอาการภายหลังสมองบาดเจ็บ
วิธีการศึกษา: เป็นการศึกษาวิจัยกึ่งทดลอง แบบ 2 กลุ่มวัดผลหลังการทดลอง กลุ่มตัวอย่างคือ ผู้ดูแลผู้สูงอายุสมองบาดเจ็บไม่รุนแรงที่มารับบริการที่หอผู้ป่วยอุบัติเหตุและฉุกเฉิน 2 จำนวน 56 ราย แบ่งเป็น 2 กลุ่มเท่ากันคือกลุ่มละ 28 ราย กลุ่มทดลองได้รับโปรแกรมสร้างเสริมสมรรถนะแห่งตน กลุ่มควบคุมได้รับการพยาบาลตามปกติ เครื่องมือที่ใช้ ได้แก่ 1) แบบสัมภาษณ์พฤติกรรมการดูแลของผู้ดูแลและกลุ่มอาการภายหลังสมองบาดเจ็บในช่วง 48 ชั่วโมง และ 2) แบบสัมภาษณ์พฤติกรรมการดูแลของผู้ดูแลและกลุ่มอาการภายหลังสมองบาดเจ็บในช่วง 2 สัปดาห์ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ Independent t-test และ Mann-Whitney U test
ผลการศึกษา: ในช่วง 48 ชั่วโมงและ 2 สัปดาห์ หลังสมองบาดเจ็บพบว่า คะแนนพฤติกรรมการดูแลของผู้ดูแลกลุ่มทดลองมากกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p <.05) และผู้สูงอายุของกลุ่มทดลองมีกลุ่มอาการภายหลังสมองบาดเจ็บแตกต่างจากของกลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p <.05)
สรุป:โปรแกรมสร้างเสริมสมรรถนะแห่งตนทำให้ผู้ดูแลมีพฤติกรรมการดูแลผู้สูงอายุสมองบาดเจ็บไม่รุนแรงหลังจำหน่ายกลับบ้านเพิ่มขึ้นและลดการเกิดกลุ่มอาการภายหลังสมองบาดเจ็บ
เอกสารอ้างอิง
2. Mcintyre A, Janzen S, Teasell R. Traumatic brain injury in older adults: A review. Top Geriatr Rehabil 2014; 30(30): 230–236.
3. งานเวชระเบียนและสถิติ โรงพยาบาลศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยขอนแก่น. สถิติผู้ป่วยโรงพยาบาลศรีนครินทร์ จังหวัดขอนแก่น 2561. ขอนแก่น, 2562.
4. Cnossen MC, Van Der Naalt J, Spikman JM, Nieboer D, Yue JK, Winkler EA, et al. Prediction of persistent post-concussion symptoms after mild traumatic brain injury.
J Neurotrauma 2018; 35(22): 2691–2698.
5. Broshek DK, De Marco AP, Freeman JR. A review of post-concussion syndrome and psychological factors associated with concussion. Brain Inj 2015; 29(2): 228–237.
6. Ontario Neurotrauma Foundation. Guideline for concussion/mild traumatic brain injury & amp; persistent symptoms [Internet]. 2018 [cited Aug 20, 2019]. Available from: https://braininjuryguidelines.org/concussion/fileadmin/media/adult-concussion-guidelines-3rd-edition.pdf.
7. รุ่งนภา เขียวชะอ่ำ. ผลกระทบภายหลังการเจ็บที่สมอง.วารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี 2559; 27(1): 103-111.
8. รพีพร โรจน์แสงเรือง. การรักษาผู้สูงอายุที่ได้รับบาดเจ็บ. ใน: วีรศักดิ์ เมืองไพศาล,บรรณาธิการ. การจัดการภาวะฉุกเฉินสำหรับผู้สูงอายุ. พิมพ์ครั้งที่ 2. นนทบุรี: ภาพพิมพ์, 2560: 31-42.
9. Yamagami K, Kurogi R, Kurogi A, Nishimura K, Onozuka D, Ren N, et al. The influence of age on the outcomes of traumatic brain injury: findings from a japanese nationwide survey (J-ASPECT Study-Traumatic Brain Injury). World Neurosurg 2019; 130:e 26–46.
10. วีรศักดิ์ เมืองไพศาล. ภาวะฉุกเฉินทางระบบประสาทที่พบบ่อยในผู้สูงอายุ. ใน: วีรศักดิ์ เมืองไพศาล, บรรณาธิการ. การจัดการภาวะฉุกเฉินสำหรับผู้สูงอายุ. พิมพ์ครั้งที่ 2. นนทบุรี: ภาพพิมพ์, 2560: 134-166.
11. ปณิตา ลิมปะวัฒนะ. กลุ่มอาการสูงอายุ. ใน: ปณิตา ลิมปะวัฒนะ, บรรณาธิการ. กลุ่มอาการสูงอายุและประเด็นทางสุขภาพที่น่าสนใจ. พิมพ์ครั้งที่ 2. ขอนแก่น: คลังนานาวิทยา, 2561: 1-12.
12. Cuthbert JP, Harrison-Felix C, Corrigan JD, Kreider S, Bell JM, Coronado VG, et al. Epidemiology of adults receiving acute inpatient rehabilitation for a primary diagnosis of traumatic brain injury in the United States. J Head Trauma Rehabil 2015; 30(2): 122–135.
13. รพีพร โรจน์แสงเรือง. อุบัติเหตุในผู้สูงอายุ. ใน: ธาวิณี ไตรณรงค์สกุล, ไชยพร ยุกเซ็น, รพีพร โรจน์แสงเรือง, บรรณาธิการ. คู่มือการดูแลผู้ป่วยอุบัติเหตุ. กรุงเทพฯ: ช่อระกาการพิมพ์, 2556: 169-178.
14. Gardner RC, Dams-O’Connor K, Morrissey MR, Manley G. Geriatric traumatic brain injury: epidemiology, outcomes, knowledge gaps, and future directions. J Neurotrauma 2018; 35: 889–906.
15. ราชวิทยาลัยประสาทศัลยแพทย์แห่งประเทศไทย. แนวทางเวชปฏิบัติกรณีสมองบาดเจ็บ. กรุงเทพฯ: พรอสเพอรัส พลัส; 2562.
16. Hickey JV, KS M. Craniocerebral injuries. In: Hickey JV, editor. The clinical practice of neurological and neurosurgical nursing. 7th ed. Philadelphia: William & Wilkins; 2014: 343–381.
17. Bandura A. Self – efficacy the exercise of control. 11th ed. New York: W. H. Freeman and Company; 1997.
18. Firmawati E, Songwathana P, Kitrungrote L. Effect of self-efficacy enhancing education program on family caregivers’ competencies in caring for patients with mild traumatic brain injury in Yogyakarta, Indonesia. Nurse Media J Nurs 2014; 4(2): 767–783.
19. เสาวนุช สมศรี, อัจฉรา สุคนธสรรพ์, สุภารัตน์ วังศรีคูณ. ผลของการวางแผนการจำหน่ายผู้บาดเจ็บสมองระดับเล็กน้อยจากแผนกฉุกเฉินต่อความรู้และการปฏิบัติของผู้ดูแล. พยาบาลสาร 2560; 44: 86–98.
20. Polit FD, Beck TC. Nursing research generating and assessing evidence for nursing practice. 10th ed. Philadelphia: Lippincott William & Wilkins; 2017.
21. Dwyer B. Posttraumatic headache. Semin Neurol 2018; 38(6): 619–626.
22. Lavigne G, Khoury S, Chauny JM, Desautels A. Pain and sleep in post-concussion/mild traumatic brain injury. Pain 2015; 156(4): S75–85.
23. Bramley H, Hong J, Zacko C, Royer C, Silvis M. Mild traumatic brain injury and post-concussion syndrome. Sports Med Arthrosc 2016; 24(3): 123–129.
24. พนิตนาฏ ลัม, ธีรนุช ห้านิรัติศัย, ดิลก ตันทองทิพย์. ผลของโปรแกรมการดูแลอย่างต่อเนื่องต่อการรับรู้สมรรถนะแห่งตนของผู้ดูแลและกลุ่มอาการหลังการบาดเจ็บของผู้บาดเจ็บศีรษะเล็กน้อย. รามาธิบดีพยาบาลสาร 2562; 25: 58-73.
