อิทธิพลของความรอบรู้ด้านสุขภาพช่องปาก ทัศนคติ ที่มีต่อการตัดสินใจเข้ารับบริการทันตกรรม ของบุคลากรในโรงพยาบาลชาติตระการ อำเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก

บทคัดย่อ

หลักการและวัตถุประสงค์: สุขภาพช่องปากเป็นองค์ประกอบสำคัญที่มีผลต่อสุขภาพโดยรวมและคุณภาพชีวิต การศึกษาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเข้ารับบริการทันตกรรมในบุคลากรจึงมีความสำคัญต่อการวางแผนและพัฒนาระบบบริการ การศึกษานี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยส่วนบุคคล ความรอบรู้ด้านสุขภาพช่องปาก ทัศนคติต่อการดูแลสุขภาพช่องปาก และการตัดสินใจเข้ารับบริการทันตกรรม รวมทั้งวิเคราะห์อิทธิพลของปัจจัยเหล่านี้ต่อการตัดสินใจเข้ารับบริการทันตกรรมของบุคลากรโรงพยาบาลชาติตระการ อำเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก

วิธีการศึกษา: เป็นการศึกษาเชิงพรรณนาแบบภาคตัดขวาง ประชากรคือบุคลากรโรงพยาบาลชาติตระการ จำนวน 246 ราย กำหนดขนาดตัวอย่างด้วยสูตรประมาณค่าสัดส่วนได้กลุ่มตัวอย่างจำนวน 151 ราย ด้วยการสุ่มอย่างง่าย เก็บรวบรวมข้อมูลด้วยแบบสอบถามที่ประกอบด้วยปัจจัยส่วนบุคคล ความรอบรู้ด้านสุขภาพช่องปาก ทัศนคติต่อการดูแลสุขภาพช่องปาก และการตัดสินใจเข้ารับบริการทันตกรรม แบบสอบถามมีค่าดัชนีความสอดคล้อง 0.67–1.00 และค่าสัมประสิทธิ์แอลฟาของครอนบาคเท่ากับ 0.96, 0.87 และ 0.96 ตามลำดับ วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติพรรณนาและการวิเคราะห์ถดถอยเชิงเส้นพหุคูณ

ผลการศึกษา: กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง (ร้อยละ 69.5) อายุเฉลี่ย 38.79±10.15 ปี ความรอบรู้ด้านสุขภาพช่องปากอยู่ในระดับสูง (3.78 ± 0.57) ทัศนคติต่อการดูแลสุขภาพช่องปากอยู่ในระดับสูง (4.28 ± 0.41) และการตัดสินใจเข้ารับบริการทันตกรรมอยู่ในระดับสูง (4.17 ± 0.45) เมื่อควบคุมอิทธิพลของตัวแปรต่างๆแล้วพบว่า ความรอบรู้ด้านสุขภาพช่องปาก (p=0.036) และทัศนคติต่อการดูแลสุขภาพช่องปาก (p<0.001) มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเข้ารับบริการทันตกรรมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ โดยตัวแปรทั้งหมดสามารถร่วมกันทำนายการตัดสินใจเข้ารับบริการทันตกรรมได้ร้อยละ 46 (Adjusted R²=0.46, p<0.05)

สรุป: ความรอบรู้ด้านสุขภาพช่องปากและทัศนคติเชิงบวกมีบทบาทสำคัญต่อการตัดสินใจของบุคลากร ในการเข้ารับบริการทันตกรรม ดังนั้นการวางแผนเชิงนโยบาย ดำเนินกิจกรรมที่มุ่งส่งเสริมทั้งความรอบรู้และทัศนคติที่เหมาะสมจะช่วยเพิ่มโอกาสการเข้ารับบริการทันตกรรม ส่งเสริมสุขภาพช่องปากและยกระดับคุณภาพชีวิตของบุคลากรได้