ความสามารถในการให้ผลผลิตของ 5 ชุดดิน ในการปลูกข้าวโพดลูกผสม

บทคัดย่อ

กาศึกษาความสามารถในการให้ผลผลิตของดิน โดยปลูกข้าวโพดลูกผสม 7 พันธุ์ บน 5 ชุดดิน เมื่อปลูกในต้นฤดูฝน และปลายฤดูฝน ที่ศูนย์วิจัยพืชไร่นครสวรรค์ ปี 2540 เพื่อเปรียบเทียบความสามารถในการให้ผลผลิตของดิน วางแผนการทดลองแบบ RCB มี 4 ซ้ำ ใส่ปุ๋ยเคมีอัตรา 10-10-10 กก./ไร่ ของ N-P2O-K2O ในต้นฤดูฝน มีปฏิกริยาสัมพันธ์ระหว่างชขุดดิน กับพันธุ์ข้าวโพด ชุดดินตาคลีให้ผลผลิตเฉลี่ยสูงสุด โดยชุดดินตาคลี ทับกวาง วังไฮ และสมอทอด ให้ผลผลิตเฉลี่ยเท่ากับ 1,230 , 1,093 , 934 และ 822 กก./ไร่ ตามลำดับ แตกต่างกันทางสถิติอย่างมีนัยสำคัญ ส่วนชุดดินลพบุรีมีความแปรปรวนของผลผลิตสูง เนื่องจากความไม่สม่ำเสมอของสภาพพื้นที่แปลง พันธุ์ CG 5445 ที่ปลูกบนชุดดินตาคลีให้ผลผลิตสูงสุดเท่ากับ 1,410 กก./ไร่ พันธุ์ Pioneer 3013 , SW 888 , Cargill 922, Pioneer 3013m CG 5445, SW 3601 เหมาะที่จะปลูกบนชุดดินตาคลี พันธุ์ CPDK 888, Pacific 300, Pioneer 3013, SW 3601 และ NSX 9210 เหมาะที่จะปลูกบนชุดดิน วังไฮ พันธุ์ CPDK 888, Pioneer 3013 และ SW 3601 เหมาะที่จะปลูกบนชุดดินทับกวาง
ในปลายฤดูฝนไม่มีปฏิกริยาสัมพันธ์ระหว่างชุดดินกับพันธุ์ข้าวโพด ชุดดินตาคลี ลพบุรี วังไฮ ทับกวาง และสมอทอด ให้ผลผลิตเฉลี่ยเท่ากับ 1,195, 1ฅ180 , 1,060 , 1,036 และ 755 กก./ไร่ ตามลำดับ แตกต่างกันทางสถิติอย่างมีนัยสำคัญยิ่ง พันธุ์ CG5445 , Pioneer 3013, SW 3601, Cargill 922, Pacific 300, CPDK 888, NSX 9210 และ NS 1 ให้ผลผลิตเฉลี่ยเท่ากับ 1,231 , 1,196 , 1,161 , 1,048 , 1ฅ017 , 959 , 935 และ 814 กก./ไร่ ตามลำดับ และแตกต่างกันทางสถิติอย่างมีนัยสสำคัญยิ่ง
การปลูกข้าวโพดในต้นฤดูฝนให้ผลผลิตเฉลี่ย 1,020 กก./ไร่ ส่วนการปลุกปลายฤดูฝนให้ผลผลิตเท่ากับ 1,045 กก./ไร่ ผลผลิตข้าวโพดทั้งต้นฤดู และปลายฤดูไม่แตกต่างกัน เนื่องจากได้รับน้ำฝนในปริมาณที่ใกล้เคียงกัน
ชุดดินตาคลีให้ผลผลิตสูงสุด เนื่องจาก เป็นดินที่มีความสามารถในการอุ้มน้ำสูง การระบายน้ำของดินดี ความสามารถให้น้ำซึมผ่านหน้าดินปานกลาง ความอุดมสมบูรณ์ของดินสูง และประสิทธิภาพการใช้น้ำของดินสูง