การออกแบบและสร้างเครื่องปลิดหัวมันสำปะหลัง

ผู้แต่ง

  • จตุรงค์ ลังกาพินธุ์ ภาควิชาวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี 12110
  • รุ่งเรือง กาลศิริศิลป์ ภาควิชาวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี 12110
  • มานพ ตันตระบัณฑิตย์ ภาควิชาวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี 12110

DOI:

https://doi.org/10.14456/thaidoa-agres.2012.4

คำสำคัญ:

การปลิด, มันสำปะหลัง, หัวมันสำปะหลัง

บทคัดย่อ

งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อออกแบบและสร้างเครื่องปลิดหัวมันสำปะหลัง สำหรับใช้ในการปลิดแยกหัวมันสำปะหลังออกจากเหง้า ลดเวลาในการเก็บเกี่ยวและปัญหาหารขาดแคลนแรงงานในภาคเกษตรกรรมโดยเริ่มจาการศึกษาข้อมูลที่จำเป็นต่อการออกแบบได้แก่ วิธีการปลิดหัวมันสำปะหลังที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน และคุณสมบัติทางกายภาพต่าง ๆ ของเหง้าและหัวมันสำปะหลังพันธุ์ที่นิยมปลูกมากที่สุดในประเทศไทยคือ พันธุ์เกษตรศาสตร์ 50 จนได้เครื่องปลิดหัวมันสำปะหลังต้นแบบที่มีส่วนประกอบหลัก คือโครงสร้างของเครื่อง ชุดกดหัวมันสำปะหลัง ชุดใบเลื่อยทรงกระบอก ชุดป้อนเหง้า ระบบส่งกำลังและใช้เพลาอำนวยกำลังของรถแทรกเตอร์เป็นตัวกำลังการทำงานของเครื่องเริ่มจากผู้ควบคุมป้อนเหง้าและหัวมันสำปะหลังลงบนชุดป้อนเหง้า โดยคว่ำด้านที่เป็นเหง้าลงด้านล่าง ต่อจากนั้นชุดกดหัวมันสำปะหลังจะเคลื่อนที่ลงมากดหัวมันสำปะหลัง พร้อมเหง้าลงสู่ชุดใบเลื่อยทรงกระบอกที่ติดตั้งอยู่ตรงกลางของชุดป้อนเหง้า เพื่อปลิดและตัดแยกหัวมันสำปะหลังออกจากเหง้า โดยหัวมันที่ถูกตัดแล้วจะหลุดร่วงลงมาตามช่องรองรับหัวมันส่วนเหง้าก็จะตกผ่านชุดใบเลื่อยทรงกระบอกจากการทดสอบเครื่องปลิดหัวมันสำปะหลังโดยใช้ชุดกดหัวมันสำปะหลัง 2 แบบ (แบบเรียบและแบบขั้นบันได) พบว่าเครื่องต้นแบบสามารถทำงานได้ดีที่สุด เมื่อใช้หัวกดแบบขั้นบันไดที่ความเร็วของชุดใบเลื่อยทรงกระบอกตั้งแต่ 1,000 รอบ/นาที ซึ่งมีเปอร์เซ็นต์การปลิดหัวมันสำปะหลัง 94.5-97.9% ความสามารถในการทำงาน 313-376 กม./ชม. และอัตราการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง 5.2-6.1 ล./ชม.          

 

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2012-12-31

รูปแบบการอ้างอิง

ลังกาพินธุ์ จ., กาลศิริศิลป์ ร., & ตันตระบัณฑิตย์ ม. (2012). การออกแบบและสร้างเครื่องปลิดหัวมันสำปะหลัง. วารสารวิชาการเกษตร, 30(3), 300–311. https://doi.org/10.14456/thaidoa-agres.2012.4

ฉบับ

ประเภทบทความ

งานวิจัย