การเพิ่มจำนวนเพลี้ยอ่อนถั่ว (aphis craccivora koch) กับความยาวและความหนาแน่นของขนใต้ใบถั่วฝักยาวและถั่วพุ่ม (vigna unguiculata(L.)Walp.)
DOI:
https://doi.org/10.14456/thaidoa-agres.2010.12คำสำคัญ:
ถั่วฝักยาวและถั่วพุ่ม, เพลี้ยอ่อนถั่ว, รูปร่างขน, ความยาวขน, ความหนาแน่นขนบทคัดย่อ
ศึกษาและเปรียบเทียบการเพิ่มจำนวนเพลี้ยอ่อนถั่ว บนถั่งฝักยาวและถั่วพุ่ม 5 สายพันธุ์ได้แก่ IT82E-16, SR-863, สุรนารี1 เขาหินซ้อน และ selected-PSU ในสภาพมุ้งตาข่ายของแปลงทดลอง คณะทรัพยากรธรรมชาติโดยให้เพลี้ยอ่อนถั่วมีทางเลือกดูดกินได้อย่างอิสระการทดลองดำเนินการระหว่างเดือน พฤษภาคม – เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2549 โดยว่างแผนการทดลองแบบ RCB ประกอบด้วยจำนวน 5 ซ้ำๆ ละ 10 ต้น และศึกษาความยาวและความหนาแน่นของขนใต้ใบของถั่วฝักยาวและถั่วพุ่ม 5 สายพันธุ์ ภายใต้กล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนแบบส่องกราด และหาสหสัมพันธ์ระหว่างความยาวและความหนาแน่นของขนกับจำนวนเพลี้ยอ่อนถั่วโดยวิธีการของ Pearson’s พบว่าลักษณะของขนใต้ใบมี 2 แบบเหมือนกันในทุกสายพันธุ์ คือขนรูปร่างคล้ายกระบอง และขนรูปร่างเรียวแหลม โดยพันธุ์ selected- PSU มีความยาวของขนทั้ง 2 แบบสั้นเพียง 44.01 และ 78.57 ไมโครเมตร ตามลำดับ และมีความหนาแน่นของขนใต้ใบเฉลี่ยงน้อยเพียง 39.70 เส้น/ตร.มในขณะที่พันธุ์ IT82E- 16 มีความยาวของขนยาวกว่าสายพันธุ์อื่นๆ คือ 46.81 และ 281.86 ไมโครเมตร ตามลำดับ และมีความหนาแน่นของขนใต้ใบเฉลี่ย 87.10 เส้น/ตร.ม. อัตราการเพิ่มจำนวนเพลี้ยระหว่างถั่วอายุ 30-50 วัน ในสายพันธุ์ selected – PSU มีค่าสูงสุด 235.52 ตัว/ต้น ในขณะที่สายพันธุ์ IT82E-16 มีค่าดังกล่าวเฉลี่ยต่ำสุด 114.53 ตัว/ต้นและที่อายุถั่ว 50 วัน พบจำนวนเพลี้ยอ่อนถั่วสูงสุดในทุกสายพันธุ์ ความยาวและความหนาแน่นของขนใต้ใบมีสหสัมพันธ์เชิงลบกับจำนวนเพลี้ยอ่อนถั่ว การนำสายพันธุ์ lT82E-16 ซึ่งมีแนวโน้มต้านทานการเข้าทำลายของเพลี้ยอ่อนถั่วมากที่สุด ผสมกับสายพันธุ์ selected-PSU ซึ่งเป็นที่นิยมของผู้บิโภค แต่มีความอ่อนแอต่อการเข้าทำลายของเพลี้ยอ่อนถั่วมากที่สุด จึงเป็นแนวทางหนึ่งที่จะพัฒนาสายพันธุ์ selected – PSU ให้มีความต้านทานต่อเพลี้ยอ่อนถั่วมากยิ่งขึ้นในอนาคต
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2017 วารสารวิชาการเกษตร (Thai Agricultural Research Journal)

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
วารสารวิชาการเกษตร