งาขาวสายพันธุ์กลายไม่ไวต่อช่วงแสง

ผู้แต่ง

  • สมใจ โควสุรัตน์ ศูนย์วิจัยพืชไร่อุบลราชธานี อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี 34000
  • ธำรง เชื้อกิตติศักดิ์ ศูนย์วิจัยพืชไร่อุบลราชธานี อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี 34000
  • จำลอง กกรัมย์ สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 4 อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี 34000
  • สรศักดิ์ มณีขาว สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 4 อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี 34000
  • สมพงษ์ ชมภูนุกูลรัตน์ ศูนย์วิจัยพืชไร่อุบลราชธานี อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี 34000

DOI:

https://doi.org/10.14456/thaidoa-agres.2009.14

คำสำคัญ:

ไม่ไวต่อแสง, งาขาวสายพันธุ์กลาย, งา

บทคัดย่อ

ปรับปรุงพันธุ์งาเพื่อให้ได้พันธุ์ที่ไม่ไวต่อช่วงแสง  และมีกลิ่นหอมเมื่อคั่วสุก  โดยการฉายรังสีแกมมางาขาวพันธุ์พื้นเมืองเลยที่ 400 Gy เมื่อปี พ.ศ.  2543  ปลูกเมล็ด  M<sub>1</sub> ที่ศูนย์วิจัยพืชไร่อุบลราชธานี คัดเลือกต้นที่ออกดอกเร็วเมื่อ เปรียบเทียบกับงาขาวพื้นเมืองเลย ต้นฤดูฝนปีปลูก 14 พฤษภาคม พ.ศ.  2544  ผลการทดลองพบว่าพันธุ์สายพันธุ์กลายมีอายุดอกบาน  50%  และอายุเก็บเกี่ยว 45-47 และ 130 วันหลังงอก (DAE)  ตามลำดับ  คัดเลือกได้  44  ต้น  (M<sub>3</sub>)  ในขณะที่งาขาวพื้นเมืองเลยอายุดอกบาน  50%  และอายุเก็บเกี่ยว  70  และ  152  วันหลังงอก  ตามลำดับ  ปี  2545  เลื่อนปลูกเป็น  21  มีนาคม  พบว่าสายพันธุ์กลายมีอายุดอกบาน  50%  และอายุเก็บเกี่ยว  45-55  และ  102-124  วันหลังงอก  คัดได้  65  ต้น  (M<sub>4</sub>)  แต่งาขาวพื้นเมืองเลยไม่มีต้นที่ออกดอก  ปลายฝนปลูกศึกษาลักษณะทางการเกษตร  พบว่าสายพันธุ์กลายมีผลผลิตมากกว่า  และขนาดเมล็ดใหญ่กว่าพันธุ์พื้นเมืองเลย  และทดสอบรสชาติและกลิ่นหอมของเมล็ดงาคั่วจากการชิม  คัดเลือกได้  20  ต้น  (M<sub>5</sub>)  ต่อมาปี  พ.ศ.  2546-2547  ประเมินการให้ผลผลิตของสายพันธุ์กลาย  เปรียบเทียบกับงาขาวพันธุ์อุบลราชธานี  2  ที่ศูนย์วิจัยพืชไร่อุบลราชธานี  ช่วงต้นและปลายฤดูฝน  ผลการทดลองต้นฤดูฝนปี  พ.ศ.  2546  และ  2547  สายพันธุ์กลายมีอายุดอกบาน  50%  และอายุเก็บเกี่ยวเท่ากับ  54-60  และ  120  วันหลังงอก  ตามลำดับ  ส่วนพันธุ์อุบลราชธานี  2  ดอกบาน  50%  และอายุเกี่ยวเกี่ยว  35  และ  90  วันหลังงอก  ตามลำดับ  ส่วนการให้ผลผลิต  ของสายพันธุ์กลายเท่ากับ  54-86   กก./ไร่  และน้ำหนัก  1,000  เมล็ด  1.75-2.01  ก.  และพันธุ์อุบลราชธานี 2  ให้ผลผลิต  90  และ  108  กก./ไร่  น้ำหนัก  1, 000 เมล็ด 3.34 และ 3.30 กรัม ส่วนปลายฤดูฝน ปีพ.ศ.  2546  และ  2547  อายุดอกบาน  50%  และอายุเก็บเกี่ยวเท่ากันทุกพันธุ์คือ  32-35  และ  87-90  วันหลังงอก  ตามลำดับผลผลิตของสายพันธุ์กลายต่ำกว่า  36-93  กก/ไร่  และ  1,000  เมล็ดหนัก  1.61-2.03  ก.  ส่วนพันธุ์อุบลราชธานี 2 ผลผลิต  78  และ  118  กก./ไร่  น้ำหนัก  3.07  และ  3.42  ก./1,000  เมล็ด  ดังนั้นจึงคัดเลือกได้งาสายพันธุ์กลาย  3  สายพันธุ์ซึ่งไม่ไวต่อช่วงแสงได้แก่ Lm 3-2-1-1 Lm 14-1-1-3  และ  Lm 14-1-1-1  ซึ่งให้ผลผลิตสูงกว่าสายพันธุ์กลายอื่น ๆ และรสชาติดี  มีกลิ่นหอมเมื่อคั่วสุก  เพื่อปรับปรุงพันธุ์ต่อไป  นอกจากนั้นเมื่อวิเคราะห์องค์ประกอบของเมล็ด  สายพันธุ์กลายมีแนวโน้มปริมาณน้ำมันและโปรตีนสูงกว่างาขาวพื้นเมืองเลย  โดยมีปริมาณน้ำมัน  34.6 – 43.9%  ปริมาณโปรตีน  25.2 – 25.8%  ส่วนงาขาวพื้นเมืองเลย  มีน้ำมันโปรตีน  33.4  และ  24.6%  ตามลำดับและงาขาวพันธุ์อุบลราชธานี 2 มีปริมาณน้ำมันและโปรตีนเท่ากับ  37.6  และ  25.5%  ตามลำดับ

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2009-08-31

รูปแบบการอ้างอิง

โควสุรัตน์ ส., เชื้อกิตติศักดิ์ ธ., กกรัมย์ จ., มณีขาว ส., & ชมภูนุกูลรัตน์ ส. (2009). งาขาวสายพันธุ์กลายไม่ไวต่อช่วงแสง. วารสารวิชาการเกษตร, 27(2), 195. https://doi.org/10.14456/thaidoa-agres.2009.14

ฉบับ

ประเภทบทความ

งานวิจัย