คุณค่าทางโภชนะและวิธีการปรับปรุงคุณภาพชานอ้อยเพื่อใช้ประโยชน์ในอาหารสัตว์

Main Article Content

Paitoon Kaewhom

บทคัดย่อ

ชานอ้อยเป็นเศษเหลือจากอุตสาหกรรมโรงงานน้ำตาลที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์เป็นอาหารสัตว์ได้ อย่างไรก็ตามก่อนการนำชานอ้อยมาใช้เป็นอาหารสัตว์นั้นชานอ้อยจำเป็นต้องได้รับการปรับปรุงคุณภาพเพื่อเพิ่มคุณค่าทางโภชนะเสียก่อน วัตถุประสงค์ของการทดลองในครั้งนี้คือ 1) ศึกษาคุณค่าทางโภชนะของชานอ้อย และ 2) ศึกษาวิธีการปรับปรุงคุณภาพของชานอ้อย โดยเก็บตัวอย่างชานอ้อยจากโรงงานน้ำตาลในจังหวัดสระแก้ว จำนวน 10 ตัวอย่าง ตามช่วงฤดูเปิดหีบอ้อย แล้วนำมาวิเคราะห์ค่าโภชนะและศึกษาปัจจัย 2 ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับวิธีการปรับปรุงคุณภาพของชานอ้อยต่อคุณค่าทางโภชนะ ได้แก่ ปัจจัยด้านการใช้น้ำและกากน้ำตาลในการหมักชานอ้อยด้วยยีสต์ Saccharomyces cerevisae (การใช้น้ำอย่างเดียว และการใช้น้ำร่วมกับกากน้ำตาล 5%) และปัจจัยด้านระยะเวลาในการหมัก (0 7 14 21 และ 28 วัน) วางแผนการทดลองแบบ 2x5 Factorial บนการสุ่มแบบสมบูรณ์ ผลการทดลองพบว่าค่าโภชนะ ประกอบด้วย วัตถุแห้ง ความชื้น โปรตีนหยาบ ไขมัน เถ้า เยื่อใยหยาบ คาร์โบไฮเดรตที่ย่อยได้ง่าย ผนังเซลล์ทั้งหมด ลิกโนเซลลูโลส ลิกนิน เฮมิเซลลูโลส เซลลูโลส แคลเซียม และฟอสฟอรัส ของตัวอย่างชานอ้อย มีค่าเท่ากับร้อยละ 92.80 7.20 1.18 0.35 2.95 42.02 46.30 84.27 59.53 11.29 24.74 48.25 0.216 และ 0.030 และค่าพลังงานทั้งหมด (Gross energy; GE) มีค่าเท่ากับ 4026.24 กิโลแคลอรี่ต่อกิโลกรัม โดยพบว่าค่าโภชนะของชานอ้อยจากการเก็บตัวอย่างแต่ละช่วงเวลาของการหีบอ้อยในจังหวัดสระแก้ว 10 ตัวอย่าง ไม่มีความแตกต่างกันทางสถิติ (P>0.05) สำหรับปัจจัยด้านการใช้น้ำและกากน้ำตาลในการหมักชานอ้อยและปัจจัยด้านระยะเวลาในการหมัก พบว่ากลุ่มที่ใช้น้ำร่วมกับกากน้ำตาล 5% ให้ผลค่าโภชนะที่สูงกว่ากลุ่มที่ใช้เพียงน้ำอย่างเดียวในการหมักชานอ้อยอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (P<0.05) ยกเว้นค่าไขมันที่ไม่แตกต่างกัน และค่าโภชนะส่วนประกอบของผนังเซลล์ลดลงอย่างมีนัยสำคัญยิ่งทางสถิติ (P<0.01) และระยะเวลาที่เริ่มพบค่าโภชนะที่แตกต่างกันคือในวันที่ 7 โดยเฉพาะค่าโปรตีนหยาบที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญยิ่งทางสถิติ (P<0.01) นอกจากนี้ยังพบว่าอิทธิพลร่วมของทั้งสองปัจจัยมีผลต่อค่าโภชนะโปรตีนหยาบ เถ้า เยื่อใยหยาบ ผนังเซลล์ทั้งหมด ลิกโนเซลลูโลส เซลลูโลสและพลังงานทั้งหมด เช่นกัน เนื่องมาจากการหมักชานอ้อยโดยใช้ยีสต์ร่วมกับกากน้ำตาลในช่วงเวลาที่เหมาะสมทำให้ยีสต์เจริญเติบโตเพิ่มขึ้นส่งผลให้ค่าโภชนะโปรตีนเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยีสต์ยังช่วยย่อยโภชนะส่วนประกอบของผนังเซลล์ ทำให้ปริมาณเยื่อใยหยาบลดลงส่งผลให้ค่าโภชนะคาร์โบไฮเดรตที่ย่อยได้ง่ายเพิ่มขึ้นอีกด้วย

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
Kaewhom, P. (2020) “คุณค่าทางโภชนะและวิธีการปรับปรุงคุณภาพชานอ้อยเพื่อใช้ประโยชน์ในอาหารสัตว์”, สัตวแพทย์มหานครสาร, 15(2), น. 131–140. available at: https://li01.tci-thaijo.org/index.php/jmvm/article/view/243669 (สืบค้น: 13 ธันวาคม 2025).
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

AOAC. 2012. Official method of analysis of association of official analysis chemists. 19th ed. Washington D.C.

Fatma, M.S., R. Salama, A. E. Khattab, S. M. Soliman, and Y. A. El-Nomeary. 2011. Chemical, biological, and biochemical treatments to improve the nutritive values of sugarcane bagasse (SCB): 1- Chemical composition, scanning electron microscopy, In Vitro evaluation, nutrients digestibility and nitrogen utilization of untreated or treated SCB. Life Sci. J. 8(4): 351-363.

Mohammed, H. A., A. B. Salih, M. A. Fadel Elseed, and M. A. Mohammed. 2013. Effect of urea-treatment on nutritive value of sugarcane bagasse. ARPN J. Sci. Technol. 3(8): 834-838.

National Energy Policy and Planning Office. 2002. Promoting the use of energy from biomass in Thailand. NEPO Journal. 55: 22-39.

Nirawan, A., M. Wannapat, P. Gunun, A. Cherdthong, and W. Kaewwongsa. 2014. Effect of sugarcane bagasse treatment on gas production and ruminal degradability by using in vitro gas production technique. Khon Kaen Agri. J. 42(4): 35-40.

Office of Cane and Sugar Board. 2019. Sugarcane planting area report, Production Year 2018-2019. Academic and information group for cane and sugar industry. Office of Cane and Sugar Board, Ministry of Industry.

Pimpa, W. and P. Napheerong. 2013. Development of bagasse fermentation with mixed microorganisms for use in chicken feed. Faculty of Agriculture, Natural Resources and Environment, Naresuan University.

Ramli, M. N., Y. Imura, K. Takayama, and Y. Nakanishi. 2005. Bioconversion of sugarcane bagasse with Japanese Koji by solid-state fermentation and its effects on nutritive value and preference in goats. Asian-Australasian J. Anim. Sci. 18(9): 1279-1284.

Suksombat, W. 2004. Comparison of different alkali treatment of bagasse and rice straw. Asian-Australasian J. Anim. Sci. 17(10): 1430-1433.

Van Soest, P. J., J. B. Robertson, and B. A. Lewis. 1970. Methods for dietary fiber, neutral detergent fiber, and nonstarch polysaccharides in relation to animal nutrition. J. Dairy Sci. 74: 3583-3597.