การพัฒนากระบวนการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ สำหรับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขโรงพยาบาลบางปะกง
คำสำคัญ:
พฤติกรรมสุขภาพ, กระบวนการ, ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ, เจ้าหน้าที่สาธารณสุขบทคัดย่อ
การวิจัยและพัฒนาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ พัฒนากระบวนการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพของเจ้าหน้าที่สาธารณสุข โรงพยาบาลบางปะกง ประกอบด้วย 3 ขั้นตอน คือ (1) ศึกษาสภาพปัญหาและความต้องการ (2) พัฒนากระบวนการ ประกอบด้วย 7 องค์ประกอบ ดังนี้ 1) การรับรู้และแปลผลสุขภาพ 2) การประเมินตนเอง ค้นหาศักยภาพและค้นหาทางออก 3) การตั้งเป้าหมาย 4) การแลกเปลี่ยนประสบการณ์ 5) กิจกรรม 6) การประเมินผล 7) การบำบัด และ(3) ประเมินกระบวนการพัฒนา กลุ่มตัวอย่างในการทดลอง คือ เจ้าหน้าที่สาธารณสุข โรงพยาบาลบางปะกงที่มีภาวะอ้วนอันตราย เป็นโรคความดันโลหิตสูง และหรือโรคเบาหวานที่ควบคุมไม่ได้ หรือเป็นกลุ่มเสี่ยงที่มีภาวะน้ำตาลและหรือความดันโลหิตสูง จำนวน 32 คน เครื่องมือที่ใช้ 1)แบบทดสอบความรู้ มีค่าความเชื่อมั่นตามสูตร
คูเดอร์ ริชาร์ดสัน สูตรที่ 20 เท่ากับ 0.87 2) แบบวัดทักษะด้านพฤติกรรมสุขภาพ มีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.75 และ3) แบบประเมินความพึงพอใจ มีค่าดัชนีความสอดคล้องของเนื้อหา เท่ากับ 1.00 วิเคราะห์ข้อมูลด้วยค่าความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ Wilcoxon Signed-Rank Test
ผลการวิจัย พบว่า (1) กลุ่มตัวอย่างต้องการวิธีการในการฝึกทักษะด้านการเลือกอาหาร การปรับสมดุลในร่างกาย การออกกำลังที่เหมาะสมกับกายภาพของแต่ละบุคคล คิดเป็นร้อยละ 93.33
(2) กระบวนการที่พัฒนาขึ้นทั้ง 7 องค์ประกอบ ได้รับการรับรองจากผู้เชี่ยวชาญว่าสามารถนำไปสู่การปฏิบัติได้ โดยมีค่าดัชนีความสอดคล้องจากผู้เชี่ยวชาญ เท่ากับ 0.97 (3) คะแนนความรู้และทักษะด้านพฤติกรรมสุขภาพ ภายหลังได้รับกระบวนการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพสูงกว่าก่อนได้รับกระบวนการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.00 (Z = 5.06, Z = 4.59) และความพึงพอใจต่อกระบวนการอยู่ในระดับมากที่สุด
เอกสารอ้างอิง
Bureau of Non-Communicable Diseases Department of Disease Control. (2017). Strategic Plan for Prevention and Control of Non-communicable diseases at the national level for 5 years (2017-2020). Nonthaburi: The company Emotionart Co. Ltd. (In Thai).
Cronbrach, L.J. (1970). Essentials of Psychological Test (5th ed.). New York. Harper Collins.
De Shazer, S. (1991). Putting Difference to Work. New York: W.W. Norton & Company.
Health Education Team. (2019). Health behavior modifying of Bangpakong hospital public health personel Reports. Chachoengsao : Bangpakong Hospital. (In Thai).
Kaeodumkoeng, K., & Treepetseeurai, N. (2011). Health literacy.Bangkok. Newthammada Printing (Thailand) Co. Ltd. (In Thai).
Mediathailand Thailand. (2020). Adult Learning Theory. Retrieved Febuary 20, 2020. From http://media thailand.blogspot.com/2012/05/blog-post_1880.html.
Nitirat, P., Jaikla, N., Aramsin R., Jarujit, S., Sittivas, R., Sombutboon, J., … Proyoonyoung, S. (2015). Effects of Self-Management Program for People with Over Body Mass Index and High Cholesterol in Chantaburi: A Studyy of Village Health Volunteers in Tumbol Thachang,Chantaburi Province.Paper presented at the 10th SRU national Research Conference meeting, Suratthani Rajabhat University,Thailand. (In Thai).
Thaihealth Organization. (2016). Non-Communicable diseases. Retrieved December 26, 2016. From http://www.thaihealth.or.th/microsite/categories/5/ncds/2/173/176+NCDs.html-%E0% B8%.
Walter, J.L., & Peller, J.E. (1992). Becoming Solution-focused in Therapy. New York: Brunner /Mazel,INC.
Wansanit, S. (2016). The Effects Of Solution Focus Group Counselling On Problems Solving Of Undergraduate Student, Burapha University. dissertation.Cholburi: Burapha University. (In Thai).
