การตอบสนองของถั่วเหลืองที่มีอายุแตกต่างกันต่อความถี่การให้น้ำและการคลุมดิน

บทคัดย่อ

ดำเนินการทดลองเพื่อการตรวจสอบการตอบสนองของถั่วเหลือง ที่อายุเก็บเกี่ยวแตกต่างกันต่อความถี่การให้น้ำและการใช้วัสดุคลุมดิน ที่ศูนย์วิจัยพืชไร่ชัยนาท (ศวร.ชัยนาท) และสถานีทดลองพืชไร่พิษณุโลก (สลร. พิษณุโลก) พบว่าไม่มีปฏิกริยาสัมพันธ์ระหว่าง ความถี่ การให้น้ำ การใช้วัสดุคลุมดิน และพันธุ์ถั่วเหลือง การให้น้ำ ทุกครั้งเมื่อค่าการระเหยจากถาดวัดการระเหยสะสมครบ 60 มม. (160) ให้ผลผลิตเฉลี่ย 402,336 และ 310 กก./ไร่ สำหรับการทดลองที่ ศวร.ชัยนาท ปี 2536/37 และ 2537/38 และ ที่ สลร.พิษณุโลก ปี 2536/37 ตามลำดับ แต่เมื่อให้น้ำ 42 มม. เมื่อค่าการระเหยสะสมครบ 120 มม. (1120) และครั้งเดียวเมื่อออกดอก 50% (IF) ผลผลิตลดลง 27-30% และ 43-45% ตามลำดับ สำหรับการทดลองที่ ศวร. ชัยนาท และลดลง 12% และ 37% ตามลำดับ สำหรับการทดลองที่ ศลร. พิษณุโลก การใช้วัสดุคลุมดินมีผลให้ผลผลิตสูงกว่าการไม่ใช้วัสดุคลุมดิน 10-12% และ 18% สำหรับการทดลองที่ สลร. พิษณุโลก การใช้วัสดุคลุมดินมีผลให้ผลผลิตสูงกว่าการไม่ใช้วัสดุคลุมดิน 10-12% และ 18% สำหรับการทดลองที่ ศวร.ชัยนาท และสลร.พิษณุโลก ตามลำดับ การเพิ่มขึ้นของผลผลิตของการให้น้ำที่ความถี่สูงเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของ จำนวนฝัก/ต้น และขนาดเมล็ด ขณะที่การเพิ่มขึ้นของผลผลิตของการคลุมดินเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของ จำนวนฝัก/ต้น โดยที่ขนาดเมล็ดไม่เปลี่ยนแปลง พันธุ์เชียงใหม่ 60 ให้ผลผลิตสูงกว่า พันธุ์นครสวรรค์ 1 และพันธุ์ สจ. 5 ที่ให้ผลผลิตไม่แตกต่างกัน ระหว่าง 3-5% สำหรับการทดลองที่ ศวร. ชัยนาท ขณะที่การทดลองที่ สลร. พิษณุโลก พบว่าพันธุ์เชียงใหม่ 60 และพันธุ์นครสวรรค์ 1 ให้ผลผลิตไม่แตกต่างกัน แต่ทั้งสองพันธุ์ให้ผลผลิตสูงกว่าพันธุ์ สจ. 5 ระหว่าง 16-20% พันธุ์นครสวรรค์ 1 มีขนาดใหญ่สุด ขณะที่พันธุ์เชียงใหม่ 60 และ สจ.5 ชดเชยโดยมี จำนวนฝัก/ต้นสูงกว่า พันธุ์นครสวรรค์ ทั้งการทดลองที่ ศวร. ชัยนาท และ สลร. พิษณุโลก พบว่า พันธุ์เชียงใหม่ 60 และพันธุ์นครสวรรค์ 1 ให้ผลผลิตไม่แตกต่างกัน แต่ทั้งสองพันธุ์ให้ผลผลิตสูงกว่าพันธุ์ สจ. 5 ระหว่าง 16-22% พันธุ์นครสวรรค์ 1 มีขนาดใหญ่สุด ขณะที่พันธุ์เชียงใหม่ 60 และ สจ. 5 ชดเชยโดยมี จำนวนฝัก/ต้นสูงกว่า พันธุ์นครสวรรค์ 1 ทั้งการทดลองที่ ศวร. ขัยนาท และ สลร. พิษณุโลก