การเก็บรักษาเมล็ดถั่วเขียวที่เหมาะสมเพื่อลดการสูญเสียปริมาณสารไอโซฟลาโวนส์

ผู้แต่ง

  • จารุรัตน์ พุ่มประเสริฐ กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร กรมวิชาการเกษตร จตุจักร กทม 10900
  • จารุวรรณ บางแวก กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร กรมวิชาการเกษตร จตุจักร กทม 10900

คำสำคัญ:

การเก็บรักษา, ความชื้น, ถั่วเขียว, สารไอโซฟลาโวนส์, อุณหภูมิ

บทคัดย่อ

ไอโซฟลาโวนส์ (isoflavones) เป็นสาร ที่มีโครงสร้างทางเคมีคล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจน ในสตรี ถูกสร้างขึ้นในพืชวงศ์ถั่ว เช่น ถั่วเหลือง ถั่วเขียว ถั่วลิสง ถั่วปากอ้า เนื่องจากข้อมูลของ ไอโซฟลาโวนส์ ในถั่วเขียวมีน้อยมาก จึงศึกษา ปริมาณสารไอโซฟลาโวนส์ในเมล็ดถั่วเขียว และ วิธีการเก็บรักษาเมล็ดที่ความชื้นเมล็ดเริ่มต้นก่อน การเก็บรักษา อุณหภูมิ และระยะเวลาที่แตกต่าง กัน เพื่อลดการสูญเสียปริมาณสารไอโซฟลา โวนส์ ดำเนินการทดลอง ระหว่างเดือนตุลาคม ปี พ.ศ. 2554 – เดือนกันยายน ปี พ.ศ. 2556 ใน ถั่วเขียว 2 สายพันธุ์ คือ พันธุ์ชัยนาท 72 และ กำแพงแสน 2 วางแผนการทดลองแบบ Split plot 3 ซ้ำ ให้ระดับความชื้นเริ่มต้นเป็น Main plot มี 2 ระดับ คือ 10 และ 14% อายุการ เก็บรักษา 0 - 12 เดือนเป็น sub plot มี 13 ระดับ และศึกษาปฏิสัมพันธ์ทั้ง 3 ปัจจัย ได้แก่ ความชื้นเมล็ดเริ่มต้น อุณหภูมิ และอายุการเก็บ รักษาของแต่ละพันธุ์โดยการวิเคราะห์รวม (Combined Analysis of Variance over Temperature) พบว่าถั่วเขียวทั้ง 2 สายพันธุ์เมื่อ เก็บรักษาไว้เป็นเวลา 2 เดือนมีปริมาณสารไอ โซฟลาโวนส์เพิ่มสูงขึ้นในทุกกรรมวิธี และการ เก็บรักษาเมล็ดถั่วเขียวพันธุ์ชัยนาท 72 ที่ ความชื้นเมล็ดเริ่มต้น 10 % อุณหภูมิ 15 °ซ มี ปริมาณสารไอโซฟลาโวนส์สูงที่สุด คือ 4.46 ไมโครกรัม/กรัม ส่วนเมล็ดถั่วเขียวพันธุ์ กำแพงแสน 2 ที่ความชื้นเมล็ดเริ่มต้น 10 % และเก็บรักษาที่อุณหภูมิ 10 ºซ มีปริมาณสาร ไอโซฟลาโวนส์สูงที่สุด คือ 4.06 ไมโครกรัม/กรัม หลังจากนั้นเมื่อเก็บรักษานานเกิน 2 เดือน ปริมาณสารไอโซฟลาโวนส์มีแนวโน้มลดลงอย่าง ต่อเนื่อง

Downloads

เผยแพร่แล้ว

2023-02-03

How to Cite

พุ่มประเสริฐ จ., & บางแวก จ. (2023). การเก็บรักษาเมล็ดถั่วเขียวที่เหมาะสมเพื่อลดการสูญเสียปริมาณสารไอโซฟลาโวนส์. วารสารวิชาการเกษตร, 33(3), 246–254. สืบค้น จาก https://li01.tci-thaijo.org/index.php/thaiagriculturalresearch/article/view/77734