การตอบสนองทางภูมิคุ้มกันชนิดสารน้ำต่อเชื้อไวรัสต่อมเบอร์ซ่าอักเสบติดต่อในไก่เนื้อที่มีภูมิคุ้มกันจากแม่ในระดับสูงภายหลังการได้รับวัคซีนชนิดไวรัสเชื้อเป็นชนิดสารประกอบเชิงซ้อนทางอิมมูนและชนิดดีเอ็นเอสายผสม

บทคัดย่อ

การศึกษาการตอบสนองของภูมิคุ้มกันชนิดสารน้ำต่อเชื้อไวรัสต่อมเบอร์ซ่าอักเสบติดต่อในไก่เนื้อที่มีภูมิคุ้มกันจากแม่ในระดับสูงลูกไก่อายุ 1 วันจำนวน 1,200 ตัวถูกแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มๆ ละ 300 ตัว กลุ่มที่ 1 เป็นกลุ่มควบคุมที่ไม่ได้รับวัคซีนไวรัสต่อมเบอร์ซ่าอักเสบติดต่อกลุ่มที่ 2 เป็นกลุ่มที่ได้รับวัคซีนชนิดเชื้อเป็นสายพันธุ์ Winterfield 2512 โดยการผสมน้ำดื่มเมื่ออายุ 2 สัปดาห์ กลุ่มที่ 3 และ 4 ได้รับวัคซีนชนิดสารประกอบเชิงซ้อนทางอิมมูน (Live immune complex vaccine) และชนิดดีเอ็นเอสายผสม (recombinant vaccine) ตามลำดับโดยการฉีดเข้าใต้ผิวหนังเมื่อไก่อายุ 1 วัน ทำการเจาะเก็บเลือดไก่ก่อนและหลังการทำวัคซีนทุกสัปดาห์เพื่อตรวจหาระดับภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสต่อมเบอร์ซ่าอักเสบติดต่อโดยใช้วิธี enzyme-linked immunosorbent assay (ELISA) ผลการทดสอบพบว่าระดับภูมิคุ้มกันหลังจากได้รับวัคซีน 1 สัปดาห์ ในกลุ่มที่ใช้วัคซีนชนิดสารประกอบเชิงซ้อนทางอิมมูนและวัคซีนชนิดดีเอ็นเอสายผสมมีระดับการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันสูงกว่ากลุ่มที่ไม่ได้รับวัคซีนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (P<0.05) ในขณะที่กลุ่มที่ได้รับวัคซีนชนิดเชื้อเป็นสายพันธุ์ Winterfield 2512 ภายหลังที่ไก่ได้รับวัคซีน 3 สัปดาห์ แต่ระดับการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันไม่มีความแตกต่างทางสถิติเมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มที่ได้รับวัคซีนทั้งสารประกอบเชิงซ้อนทางอิมมูนและวัคซีนชนิดดีเอ็นเอสายผสมที่อายุ 5 สัปดาห์ (5 สัปดาห์หลังได้รับวัคซีน) นอกจากนี้อัตราส่วนของต่อมเบอร์ซ่าต่อน้ำหนักตัวไก่ที่อายุ 5 สัปดาห์ พบว่ามีค่าเท่ากับ1.30±0.49, 1.35±0.72, 1.32±0.54 และ 1.64±0.44 สำหรับกลุ่มที่ 1-4 ตามลำดับ ซึ่งอัตราส่วนดังกล่าวไม่มีความแตกต่างทางสถิติซึ่งแปลผลที่ได้ว่าวัคซีนต่อมเบอร์ซ่าอักเสบติดต่อทั้ง 3 ชนิดไม่มีผลกระทบต่อการพัฒนาต่อมเบอร์ซ่าในไก่การศึกษาครั้งนี้สรุปได้ว่าวัคซีนต่อมเบอร์ซ่าอักเสบติดต่อทั้ง 3 ชนิดมีการตอบสนองต่อการสร้างภูมิคุ้มกันชนิดสารน้ำได้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ รวมทั้งไม่มีผลรบกวนต่อการพัฒนาต่อมเบอร์ซ่าในไก่ที่มีภูมิคุ้มกันจากแม่ในระดับสูง