ความรู้ ทัศนคติ และการปฏิบัติตามการรับรู้ของพยาบาลต่อการรายงานอุบัติการณ์ ในโรงพยาบาลสงขลานครินทร์
คำสำคัญ:
ความรู้, ทัศนคติ, การปฏิบัติตามการรับรู้, การรายงานอุบัติการณ์บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงบรรยาย มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาความรู้ ทัศนคติ และการปฏิบัติตามการรับรู้ของพยาบาลต่อการรายงานอุบัติการณ์ ในโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ และ 2) ศึกษาความสัมพันธ์ของตัวแปรดังกล่าว โดยใช้กรอบแนวคิดของ บลูม กลุ่มตัวอย่างเป็นพยาบาลวิชาชีพที่ปฏิบัติงานในโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ อย่างน้อย 6 เดือน คำนวณกลุ่มตัวอย่างโดยใช้สูตรของทาโร่ยามาเน่ ได้กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 297 คน เก็บรวบรวมข้อมูลในช่วงเดือน เมษายน - กรกฎาคม 2560เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถาม แบ่งเป็น 4 ส่วน ได้แก่ แบบสอบถามข้อมูลส่วนบุคคล แบบทดสอบความรู้เรื่องการรายงานอุบัติการณ์ แบบวัดทัศนคติเรื่องการรายงานอุบัติการณ์ และ แบบสอบถามการปฏิบัติตามการรับรู้ของพยาบาลต่อการรายงานอุบัติการณ์ ซึ่งเครื่องมือทั้งหมดได้ผ่านการประเมินความตรงเชิงเนื้อหาจากผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 3 ท่าน แบบทดสอบความรู้ มีค่าความเที่ยงโดยใช้สูตรคูเดอร์-ริชาร์ดสันได้ .76 แบบวัดทัศนคติ และแบบสอบถามการปฏิบัติตามการรับรู้ของพยาบาลต่อการรายงานอุบัติการณ์ มีค่าความเที่ยงโดยใช้สูตรสัมประสิทธิ์อัลฟาครอนบาคได้ .72 และ .80 ตามลำดับ วิเคราะห์ข้อมูลด้วย ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และหาความสัมพันธ์ด้วยสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน
ผลการวิจัยพบว่ากลุ่มตัวอย่างมีความรู้เรื่องการรายงานอุบัติการณ์ในระดับมาก ( =11.33, S.D.=1.67) มีทัศนคติต่อการรายงานอุบัติการณ์ในระดับสูง ( =4.00, S.D.=0.43) และมีการปฏิบัติตามการรับรู้ต่อการรายงานอุบัติการณ์ในระดับมาก ( =3.45, S.D.=0.38) การวิเคราะห์ความสัมพันธ์ พบว่าทัศนคติมีความสัมพันธ์ทางบวกกับการปฎิบัติตามการรับรู้ของพยาบาลต่อการรายงานอุบัติการณ์อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (r =.28, p<.01) จากการวิจัย มีข้อเสนอแนะว่า ควรมีกิจกรรมหรือแนวทางสนับสนุนการปลูกฝังทัศนคติ รวมทั้งแนวทางการปฏิบัติเมื่อมีอุบัติการณ์ ให้กับบุคลากรในโรงพยาบาลอย่างต่อเนื่อง
เอกสารอ้างอิง
Cina-Tschumi, B., Schubert, M., Kressig, R.W., De Geest, S., & Schwendimann, R. (2009). Frequencies of falls in Swiss hospitals: concordance between nurses’ estimates and fall incident reports. International Journal of Nursing Studies, 46(2), 164–171.
Healthcare Accreditation Institute. (2011). Standard hospital and health service celebrate the 60th anniversary of
Sirirajcelebration. Nonthaburi: Deewan. (in Thai)
Jaiprong, S. (2011). The Factors Affecting Risk Management Behaviors of Professional Nurses at General Hospitals, Public Health Inspection Region 17. Peper of The 1th National Graduate Research Conference. Sukhothai Thammathirat University. (in Thai).
Mavilai, K. (2008). Factors affecting risk management behaviors of head nurse in regional hospitals under
the jurisdiction of the Ministry of public health. Master Thesis. Sukhothai Thammathirat University. (in Thai).
Polfagfaeng, P. (2011). Knowledge and performance of Activities in Relation to risk management of the Registered Nurse at a Government Hospital in Nontaburi province. Master Thesis. Dhorakij Pundit University. (in Thai).
Rongrut, P. (2014).Correlation betweenpersonal factors, knowledge and attitude toward risk management
and riskmanagementpracticeamong in nursing personnel inBankhai Hospital Rayong Province. Journal of Phrapokklao Nursing College, 25(2), 73-84.
Ridley, J., & Channing, J. (2003). Safety at work. Amsterdam: Butter worth Heine mann LTD. Supachutigul, A. (2008). HA Update 2008. Nonthaburi: Deewan. (in Thai)
Waters, N.F., Hall, W.A., Brown, H., Espezel, H.,& Palmer, L. (2012). Perceptions of Canadian labour and delivery nurses about incident reporting: a qualitative descriptive focus group study. International Journal of Nursing Studies, 49, 811-821.
Yao, W. X. (2010). Needlestick injuries among nursing student in China. Nurse Education Today, 30(8), 431-435.
Yamane, T. (1976). Statistics: An introductory analysis. (2nd ed.). New York: Harper and Row.
