ความหลากชนิดของไม้ยืนต้นในป่าเต็งรังที่สะแกราช จ.นครราชสีมา II. การคาดคะเนจำนวนชนิดและความหลากชนิดของพรรณไม้จากจำนวนต้นไม้
Main Article Content
บทคัดย่อ
การศึกษานี้ได้ทำการคาดคะเนจำนวนชนิดของพรรณไม้ (E(s)) โดยใช้เทคนิค rarefaction ใน 4 หมู่ไม้ของป่าเต็งรัง ที่สถานีวิจัยสิ่งแวดล้อมสะแกราช อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา แยกกันและเฉลี่ยจาก 4 หมู่ไม้เปรียบเทียบกับ 1 หมู่ไม้ของป่าดิบแล้งในท้องที่เดียวกันและกับ 2 หมู่ไม้ที่เป็นป่ารุ่น และป่าธรรมชาติดั้งเดิมตอนปู่ตาที่อำเภอสมเด็จ จังหวัดกาฬสินธุ์ ทั้งนี้ โดยกำหนดให้จำนวนต้นไม้ตัวอย่างมาตรฐานของพรรณไม้ (n) เป็น 10, 30, 50, 100, 300, 500, 700 และมากกว่านี้ขึ้นไป ยกเว้นในหมู่ไม้ที่มีจำนวนต้นไม้น้อยกว่านี้ ได้กำหนดให้มีจำนวนต้นไม้ตามความเหมาะสม ในระหว่างช่วงเวลาของการตรวจนับพรรณไม้ 2 ครั้งในแปลงตัวอย่างถาวร นำจำนวนชนิดของพรรณไม้ที่คาดคะเนได้ (E(s)) ของแต่ละหมู่ไม้ไปหาความสัมพันธ์กับ n และประมาณหาดัชนีความหลากชนิด 2 อย่างคือ α (Fisher) และ H (Shanlin-Wiener) การศึกษาพบว่า E(s) จะเพิ่มขึ้นอย่างช้า ๆ ในตอนแรก อย่างรวดเร็วในตอนกลาง และเพิ่มขึ้นด้วยอัตราที่ลดลงจนถึงขีดจำกัดเมื่อมีจำนวน n ต่าง ๆ กันออกไปแล้วแต่หมู่ไม้ ยกเว้นหมู่ไม้ที่มีจำนวนชนิดค่อนข้างน้อย และเป็นป่าที่ถูกรบกวนอยู่เสมอ ตัวแปรทั้งสองค่านี้มีความสัมพันธ์กันในรูปของ logistic, Gompertz, และ power function models ในหมู่ไม้ทั้ง 4 หมู่ไม้ของป่าเต็งรังที่มีไม้เด่นต่างกัน และในหมู่ไม้ที่เป็นป่ารุ่นและป่าเต็งรังดั้งเดิมดอนปู่ตาทั้ง 2 ช่วงเวลา เมื่อเปรียบเทียบกับป่าดิบแล้งซึ่งมีจำนวนชนิดที่คาดคะเนได้เป็นจำนวนค่อนข้างมากทั้ง 2 ช่วงเวลานั้น จะมีความสัมพันธ์กันดีมากในรูปของ logistic function model เมื่อนำค่าประมาณของจำนวนชนิดเหล่านี้ที่กำหนดให้จำนวนต้นมาตรฐานเป็น 500 ต้นต่อแปลงไปหาดัชนีความหลากชนิด α และ H โดยทางอ้อมแล้วสามารถใช้พิจารณาการเปลี่ยนแปลงของดัชนีความหลากชนิด H ของแต่ละหมู่ไม้ต่อไปได้เมื่อเวลาเปลี่ยนไปอีกด้วย
Downloads
Article Details
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ข้าพเจ้าและผู้เขียนร่วม (ถ้ามี) ขอรับรองว่า ต้นฉบับที่เสนอมานี้ยังไม่เคยได้รับการตีพิมพ์และไม่ได้อยู่ในระหว่างกระบวนการพิจารณาตีพิมพ์ลงในวารสารหรือสิ่งตีพิมพ์อื่นใด ข้าพเจ้าและผู้เขียนร่วม (ถ้ามี) ยอมรับหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการพิจารณาต้นฉบับ ทั้งยินยอมให้กองบรรณาธิการมีสิทธิ์พิจารณาและตรวจแก้ต้นฉบับได้ตามที่เห็นสมควร พร้อมนี้ขอมอบลิขสิทธิ์ผลงานที่ได้รับการตีพิมพ์ให้แก่วารสารวนศาสตร์ คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กรณีมีการฟ้องร้องเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์เกี่ยวกับภาพ กราฟ ข้อความส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือ ข้อคิดเห็นที่ปรากฏในผลงาน ให้เป็นความรับผิดชอบของข้าพเจ้าและผู้เขียนร่วม (ถ้ามี) แต่เพียงฝ่ายเดียว และหากข้าพเจ้าและผู้เขียนร่วม (ถ้ามี) ประสงค์ถอนบทความในระหว่างกระบวนการพิจารณาของทางวารสาร ข้าพเจ้าและผู้เขียนร่วม (ถ้ามี) ยินดีรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในกระบวนการพิจารณาบทความนั้น”