ผลของ 2,4-D และ TDZ ต่อการชักนำการเกิดแคลลัสและต้น จากเมล็ดข้าวพันธุ์สังข์หยดพัทลุง

Main Article Content

เปรมฤดี ดำยศ
สมพร ดำยศ
เมฆา ชาติกุล
จินารัตน์ สายแก้ว

บทคัดย่อ

บทคัดย่อ


งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของ 2,4-dichlorophenoxy acetic acid (2,4-D) ต่อการชักนำการเกิดแคลัส และผลของ thidiazuron (TDZ) ต่อการชักนำการเกิดต้นจากการเพาะเลี้ยงเมล็ดข้าวพันธุ์สังข์หยดพัทลุง ทำการทดลองโดยนำเมล็ดข้าวพันธุ์สังข์หยดพัทลุงที่ปลอดเชื้อวางเลี้ยงบนอาหารสูตร Murashige and Skoog (MS) ที่ไม่เติมและเติม 2,4-D ความเข้มข้น 1, 2 และ 3 มก./ล. วางแผนการทดลองแบบสุ่มสมบูรณ์ (completely randomized design, CRD) จำนวน 10 ซ้ำ หลังเพาะเลี้ยงเป็นเวลา 4 สัปดาห์ พบว่า 2,4-D ทุกความเข้มข้นสามารถชักนำให้เกิดแคลลัสได้ โดยที่ระดับความเข้มข้น 2 มก./ล. ชักนำให้แคลลัสมีขนาดใหญ่ที่สุด (เส้นผ่านศูนย์กลางเฉลี่ย 1.09 ซม.) มีลักษณะเป็นเม็ดกลม ขนาดเล็ก รวมกันเป็นก้อนค่อนข้างหลวม สีเหลืองครีม ส่วนการ ชักนำการเกิดต้นทำโดยนำเมล็ดข้าวพันธุ์สังข์หยดพัทลุงที่ปลอดเชื้อวางเลี้ยงบนอาหารสูตร MS ที่ไม่เติมและเติม TDZ ความเข้มข้น 1, 2 และ 3 มก./ล. วางแผนการทดลองแบบสุ่มสมบูรณ์ จำนวน 10 ซ้ำ หลังเพาะเลี้ยงเป็นเวลา 4 สัปดาห์ พบว่า TDZ ทุกความเข้มข้นสามารถชักนำให้เกิดต้นได้โดยไม่ผ่านการเกิดแคลลัส จำนวนต้นที่ได้มีปริมาณเพิ่มขึ้นตามความเข้มข้นของ TDZ ที่เพิ่มขึ้น โดยที่ระดับความเข้มข้น 3 มก./ล. ชักนำให้เกิดต้นได้จำนวนมากที่สุด (7.00 ต้น/เมล็ด) สรุปได้ว่า 2,4-D ความเข้มข้น 2 มก./ล. เป็นความเข้มข้นที่เหมาะสมต่อการชักนำการเกิดแคลลัส และ TDZ ความเข้มข้น 3 มก./ล. เป็นความเข้มข้นที่เหมาะสมต่อการชักนำการเกิดต้น


 


 

Article Details

How to Cite
ดำยศ เ. ., ดำยศ ส., ชาติกุล เ., & สายแก้ว จ. (2020). ผลของ 2,4-D และ TDZ ต่อการชักนำการเกิดแคลลัสและต้น จากเมล็ดข้าวพันธุ์สังข์หยดพัทลุง. Journal of Vocational Education in Agriculture, 4(1), 31–38. สืบค้น จาก https://li01.tci-thaijo.org/index.php/JVIA/article/view/240549
บท
บทความวิจัย

References

สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ข้าว. (2559). อุตสาหกรรมข้าวของประเทศไทย ปี 2558-2559: ทิศทางและศักยภาพการผลิตข้าวไทย. สืบค้นเมื่อ 20 มีนาคม 2561, http://www.dft.go.th/LinkClick.aspx?fileticket=p6iLTgSSD_4%3D&tabid=401

ศูนย์วิจัยข้าวพัทลุง. (2550). ข้าวพันธุ์สังข์หยดพัทลุง. กรุงเทพพฯ: สถาบันวิจัยข้าว กรมวิชาการเกษตร.

เปรมฤดี ดำยศ. (2551). การผลิตข้าวกล้องงอกพันธุ์สังข์หยดพัทลุง. พัทลุง: วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีพัทลุง.

พนิตพิมพ์ สิทธิศักดิ์ และคณะ. (2557). การผลิตและการตลาดข้าวสังข์หยดของเกษตรกรในจังหวัดพัทลุง. แก่นเกษตร. 42(1). 493-498.

ประชาชาติธุรกิจ. (2562). ข้าวเปลือกสังข์หยด GI พุ่ง 2.5 หมื่นบ./ตันอเรื่อง. สืบค้นเมื่อ 10 พฤษภาคม 2562, จาก https://www.prachachat.net/local-economy/news-275093

เปรมฤดี ดำยศ. (2538). การแยกโพรโทพลาสต์ข้าวขาวดอกมะลิ 105. ใน การประชุมวิชาการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 21 (น. 266-267). ชลบุรี: โรงแรมแอมบาสซาเดอร์ซิตี้.

ยงศักดิ์ ขจรผดุงกิตติ และอัญชลี จาละ. (2558). ผลของ 2,4-D และ kinetin ชักนำให้เกิดแคลลัสในข้าวพันธุ์ขาวดอกมะลิ 105 และปทุมธานี 1. Thai Journal of Science and Technology. 4(3). 227-235.

ภพเก้า พุทธรักษ์ และคณะ. (2556). การชักนำแคลลัสจากการเพาะเลี้ยงเมล็ดของข้าวหอมมะลิ 105 และข้าวเหนียว กข 6. Naresuan Phayao Journal. 6(2). 100-105.

อรุณี ยูโซ๊ะ และสมปอง เตชะโต. (2558). การขยายพันธุ์ข้าวหอมกระดังงาโดยการเพาะเลี้ยงปลายยอดภายใต้ระบบไบโอรีแอคเตอร์. วารสารพืชศาสตร์สงขลานครินทร์. 2(3). 12-16.

พันทิวา ทีรวม และขวัญเดือน รัตนา. (2560). การชักนำให้เกิดแคลลัสและต้นใหม่ของข้าวเจ้าหอมนิล. แก่นเกษตร. 45(1). 1052-1059.

เปรมฤดี ดำยศ. (2550). เทคนิคการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืช. พัทลุง: วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีพัทลุง.

Upadhyaya, G., et al. (2015). In vitro callus induction and plant regeneration of rice (Oryza sativa L.) var. ‘Sita’, ‘Rupali’ and ‘Swarna Masuri’. Asian Journal of Plant Science and Research. 5(5). 24-27.

Repalli, S. K., et al. (2017). Regeneration Enhancement in Tissue Culture of Indica Rice’s through Partial Desiccation and Chemical Supplements. Journal of Plant Biochemistry & Physiology. 5(3). 1-4.

Yoshida, T. & Kato, H. (1996). In Vitro Propagation of Hybrid Rice (Oryza sativa L.). Japan Agriculture Research Quarterly. 30(1). 9-14.

Yookongkaew, N., et al. (2007). Development of genotype-independent regeneration System for transformation of rice (Oryza sativa ssp. indica). Journal of Plant Research. 120. 237–245

Song, Y. (2014). Insight into the mode of action of 2,4‐dichlorophenoxyacetic acid (2,4‐D) as an herbicide. Journal of Integrative Plant Biology. 56(2). 106-113.

Michiba, K., et al. (2001). Increasing ploiding level in cell suspension cultures of Doritaenopsis by exogenous application of 2, 4-dichlorophenoxyacetic acid. Physiology Planta. 112. 142-148.

Murthy, B. N. S., et al. (1998). Review Thidiazuron: a potent regulator of in vitro plant morphogenesis. Society for In Vitro Biology. 34(4). 267-275.

Gairi, A. & Rashid, A. (2004). TDZ-induced somatic embryogenesis in non-responsive caryopses of rice using a short treatment with 2,4-D. Plant Cell Tissue Organ Culture. 76. 29–33.

Visser, C., et al. (1992). Morphoregulatory role of thidiazuron. Substitution of auxin and Cytokinin requirement for the induction of somatic embryogenesis in geranium hypocotyl cultures. Plant Physiology. 99. 1704–1707.