อุณหภูมิที่เหมาะสมของกระบวนการทำแห้งกระเจี๊ยบเขียว
Main Article Content
บทคัดย่อ
ศึกษาวิธีการทำแห้งกระเจี๊ยบเขียวโดยการหาอุณหภูมิที่เหมาะสมในการทำแห้งกระเจี๊ยบเขียวด้วยวิธีการอบลมร้อน โดยนำฝักสดกระเจี๊ยบเขียวสายพันธุ์ KN-OYV-02 ที่ได้จากการผลิตในแปลงคณะเทคโนโลยีและการพัฒนาชุมชน มหาวิทยาลัยทักษิณ วิทยาเขตพัทลุง มาแช่ในสารละลายกรดแอสคอร์บิก 3 เข้มข้น คือร้อยละ 0, 1 และ 2 ร่วมกับการลวกในน้ำเดือดเป็นเวลา 0, 2, 4 และ 6 นาที แล้วนำกระเจี๊ยบเขียวไปทำการอบแห้งด้วยตู้อบลมร้อนที่อุณหภูมิ 65 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 4 ชั่วโมง เพื่อคัดเลือกวิธีการเตรียมกระเจี๊ยบเขียวที่เหมาะสมโดยพิจารณาด้านการรักษาสีของกระเจี๊ยบเขียว หลังจากนั้นทำแห้งด้วยตู้อบลมร้อนที่อุณหภูมิ 3 ระดับ ได้แก่ 60, 65 และ 70 องศาเซลเซียส ผลการทดลองพบว่าการลวกในน้ำเดือดเป็นระยะเวลา 4 นาที เป็นวิธีที่เหมาะสมกว่าการลวกร่วมกับสารละลายกรดแอสคอร์บิก โดยรักษาความเป็นสีเขียวของกระเจี๊ยบเขียวได้ดีกว่า ในขณะที่การลวกร่วมกับสารละลายกรดแอสคอร์บิกทำให้กระเจี๊ยบเขียวเปลี่ยนเป็นสีเหลืองน้ำตาล สำหรับการทำแห้งที่อุณหภูมิ 60 และ 65 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 16 ชั่วโมง และ 70 องศาเซลเซียส เป็นระยะเวลา 12 ชั่วโมง ทำให้กระเจี๊ยบเขียวมีค่าวอเตอร์แอคติวิตี้น้อยกว่า 0.6 ดังนั้นการทำแห้งที่ 70 องศาเซลเซียส เป็นสภาวะที่เหมาะสมเนื่องจากใช้ระยะเวลาสั้นและมีอัตราการทำแห้งสูงสุด นอกจากนี้อุณหภูมิในการทำแห้งช่วง 60-70 องศาเซลเซียส ไม่มีผลต่อความแตกต่างของค่า L* a* และ b* และการให้ความร้อนโดยการลวกและการทำแห้งมีผลทำให้ค่า L* และค่า b* ลดลง แต่ค่า a* เพิ่มขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับกระเจี๊ยบเขียวสด
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงตีพิมพ์ใน Journal of Vocational Education in Agriculture ถือเป็นข้อคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรง ซึ่งกองบรรณาธิการวารสารไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือร่วมรับผิดชอบใดๆ
บทความ ข้อมูล เนื้อหา ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ใน Journal of Vocational Education in Agriculture ถือเป็นลิขสิทธิ์ของJournal of Vocational Education in Agriculture หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อกระทำการใดๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Journal of Vocational Education in Agriculture ก่อนเท่านั้น
เอกสารอ้างอิง
สรพงค์ เบญจศรี และคณะ (2564). อิทธิพลของชนิดปุยต่อการเจริญเติบโตและผลผลิตของกระเจี๊ยบเขียวในภาคใตของประเทศไทย. วารสารวิชาการสถาบันการอาชีวศึกษาเกษตร, 5(2), 59-69.
กรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ กระทรวงต่างประเทศ. (2563). ผักและผลไม้. เข้าถึงได้จาก http://www.thaibiz.net/th/business/314.
Benchasri, S. (2012) Okra (Abelmoschus esculentus (L.) Moench) as a valuable vegetable of the world. Ratarstvo i povrtarstvo, 49(1), 105-112.
สกุลกานต์ สิมลา และ สรพงค์ เบญจศรี. (2558). การประเมินลักษณะทางการเกษตรและผลผลิตของกระเจี๊ยบเขียวในจังหวัดมหาสารคาม. แก่นเกษตร, 43(1), 894-899.
อัญจนา จันทร์ปะทิว และ วรรณพร สิทธิกานต์. (2562). อิทธิพลของระยะปลูกและอัตราการใช้ปุ๋ยเคมีที่มีผลต่อการเจริญเติบโตและองค์ประกอบของผลผลิตกระเจี๊ยบเขียว. แก่นเกษตร, 47(1), 1557-1562.
Lu, Y., et al. (2016). Oligomeric proanthocyanidins are the active compounds in Abelmoschus esculentus Moench for its α-amylase and α-glucosidase inhibition activity. Journal of Functional Foods, 20, 463–471.
Graham, J. O., et al. (2017). Total phenol content and antioxidant activity of okra seeds from different genotypes. American Journal of Food and Nutrition, 5(3), 90-94.
Zhang T., et al. (2018). Preliminary characterization and anti-hyperglycemic activity of a pectic polysaccharide from okra (Abelmoschus esculentus (L.) Moench). Journal of Functional Foods, 41, 19–24.
Benchasri, S., et al. (2020). The effect of genotypic variability on the yield and yield components of okra (Abelmoschus esculentus L. Moench) in Thailand. Asian Journal of Agriculture and Biology, 8(4), 480-490.
สรพงค์ เบญจศรี และชฎารัตน์ บุญจันทร์. (2554). ศึกษาความเป็นไปได้ในการตัดสินใจปลูกกระเจี๊ยบเขียวภายใต้ระบบเกษตรอินทรีย์เพื่อเป็นอาชีพเสริมของเกษตรกร ตำบลบ้านเภอป่าพะยอม จังหวัดพัทลุง. วารสารมหาวิทยาลัยนเรศวร, 19(1), 24–32.
Phornvillay, S., et al. (2020). Physio-biochemical responses of okra (Abelmoschus esculentus) to oxidative stress under low temperature storage. Horticulture Journal, 89(1), 69-77.
A.O.A.C. (1990). Official Methods of Analysis of Association of Official Analytical Chemistry. 15th ed. Wachington DC: A.O.A.C.
วิธู ชูศรี และคณะ. (2563). ผลของกระบวนการทำแห้งด้วยลมร้อนต่อสมบัติของกล้วยหอมสุกและฟักทองอบแห้ง. วารสารเทคโนโลยีการอาหาร มหาวิทยาลัยสยาม, 15(1), 37-52.
Erge ta la., (2008). Effect of heat treatment on chlorophyll degradation and color loss in green peas. GIDA, 33(5), 225-233.
Schmalko, M. E., et al. (2005). Effect of water activity and temperature in color and chlorophylls changes in Yerba Mate leaves. International Journal of Food Properties, 8(2), 313-322.
Ndukwu, M.C.(2009). Effect of drying temperature and drying air velocity on the drying rate and drying constant of cocoa bean. Agricultural Engineering International : The CIGR e-journal, XI, 1091(1-7).
Putra, R. N. & Ajiwiguna, T. A. (2017). Influence of Air Temperature and Velocity for Drying Process. Procedia Engineering, 170, 516–519.
เรวัฒ คำวัน และคณะ. (2561). การหาอัตราการแห้งตัวของขนุนโดยเครื่องอบแห้งอินฟราเรดระบบสุญญากาศ. วารสารวิชาการคณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง, 11(2), 67-77.