การศึกษาความสามารถในการรองรับได้ของคุณภาพน้ำ สำหรับการอนุบาลลูกกบนา (Hoplobatrachus rugulosus)
Main Article Content
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความสามารถในการรองรับได้ของคุณภาพน้ำสำหรับการอนุบาลลูกกบนา ดำเนินการวิจัยโดยแบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอนคือ 1) ศึกษาข้อมูลทุติยภูมิเกี่ยวกับการอนุบาลลูกกบนา 2) ทดลองอนุบาลลูกกบนาอายุ 20 วัน จำนวน 10 ตัว เป็นเวลา 30 วัน โดยไม่เปลี่ยนถ่ายน้ำ และ 3) เปรียบเทียบค่าคุณภาพน้ำที่ได้จากการศึกษา ผลการศึกษาคุณภาพน้ำพบว่าความเป็นกรดเป็นด่างมีค่าอยู่ระหว่าง 7.20 - 7.80 อุณหภูมิมีค่าอยู่ระหว่าง 25.18 - 28.30 องศาเซลเซียส ความเป็นด่างมีค่าอยู่ระหว่าง 8.30 - 632.92 มิลลิกรัมต่อลิตร ออกซิเจนละลายน้ำมีค่าอยู่ระหว่าง 0.00 - 4.90 มิลลิกรัมต่อลิตร แอมโมเนียมีค่าอยู่ระหว่าง 0.05 – 934.00 มิลลิกรัมต่อลิตร ความขุ่นมีค่าอยู่ระหว่าง 26.08 - 434.67 เอ็นทียู น้ำหนักสุดท้ายของลูกกบนาเฉลี่ย 16.36 กรัม ความยาวสุดท้ายของลูกกบนาเฉลี่ย 5.18 เซนติเมตร และลูกกบนามีอัตราการรอดร้อยละ 90
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงตีพิมพ์ใน Journal of Vocational Education in Agriculture ถือเป็นข้อคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรง ซึ่งกองบรรณาธิการวารสารไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือร่วมรับผิดชอบใดๆ
บทความ ข้อมูล เนื้อหา ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ใน Journal of Vocational Education in Agriculture ถือเป็นลิขสิทธิ์ของJournal of Vocational Education in Agriculture หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อกระทำการใดๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Journal of Vocational Education in Agriculture ก่อนเท่านั้น
เอกสารอ้างอิง
กรรณิการ์ กาญจนชาตรี และวุฒิชัย เจนการ. (2540). ศึกษาการผสมพันธุ์กบ อาหารกบระยะต่างๆ และเทคนิคการให้อาหาร. วารสารการประมง, 50(1), 11-19.
Dani, N. P., et al. (1996). Proximate composition and nutritive value of leg meat of two edible spicies of frogs, Rana hexadactyla and R. tigerina. Journal of Food Science and Technology, 3(2), 109-110.
ทาริกา โกฏสันเทียะ. (2553). ผลของการใช้สมุนไพรชนิดต่างๆร่วมกับน้ำสกัดชีวภาพในการยับยั้งการเกิดโรคในลูกอ๊อดกบ. วารสารมหาวิทยาลัยราชภัฎสกลนคร, 2(3), 158-165.
อนุวัติ อุปนันชัย และคณะ. (2551). การใช้ยีสต์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของอาหารกบนา. ใน การประชุมวิชาการประมงประจำปี 2551 (น. 157-172). กรุงเทพฯ: กรมประมง.
สุชาติ จุลอดุง และคณะ. (2552). ผลของฮอร์โมน 17β-estradiol ต่อการแปลงเพศกบนาให้เป็นเพศเมีย. (รายงานผลการวิจัย). กรุงเทพฯ: กรมประมง.
จตุรงค์ คงแก้ว และคณะ. (2556). ขีดความสามารถในการรองรับและมาตรการการจัดการท่องเที่ยวแนวปะการังน้ำตื้นเกาะไข่นอก จังหวัดพังงา. วารสารสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ, 11(1), 70-87.
หิรัญ หิรัญรัตรพงศ์ และคณะ. (2560). การประเมินขีดความสามารถในการรองรับนักท่องเที่ยวของอุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ (ส่วนรอยพระพุทธบาทพลวง). วารสารวิทยาศาสตร์บูรพา, 22(3), 557-568.
ยงยุทธ ปรีดาลัมพะบุตร. (2539). การประเมิน Carrying Capacity ของพื้นที่แหล่งเลี้ยงกุ้งคลองปานาเระ อำเภอยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี. (รายงานผลการวิจัย). กรุงเทพฯ: กรมประมง.
อนุวัติ อุปนันไชย และคณะ. (2560). อุณหภูมิที่เหมาะสมในการอนุบาลลูกอ๊อดเพื่อผลิตกบนาเพศเมีย. วารสารวิจัยและส่งเสริมวิชาการเกษตร, 34(3), 31-40.
อนุวัติ อุปนันไชย และพัชรี สิงห์สม. (2547). การอนุบาลลูกอ๊อดกบนาด้วยอัตราความหนาแน่นที่แตกต่างกัน. (รายงานผลการวิจัย). กรุงเทพฯ: กรมประมง.
อนุวัติ อุปนันไชย และคณะ. (2549). ความถี่ในการให้อาหารต่อการเจริญเติบโตของกบนาระยะวัยอ่อน. (รายงานผลการวิจัย). กรุงเทพฯ: กรมประมง.