รูปแบบการใช้เครื่องมือทางเกษตรเพื่อผ่อนแรงทางกิจกรรมทางการเกษตรสำหรับปรับโครงสร้างทางกายภาพของดิน
Main Article Content
บทคัดย่อ
งานวิจัยรูปแบบการใช้เครื่องมือทางการเกษตรเพื่อผ่อนแรงทางกิจกรรมทางการเกษตรสำหรับปรับโครงสร้างทางกายภาพของดินมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความต้องการที่แท้จริง (Felt Needs) ของเกษตรกรในการใช้เครื่องผ่อนแรงทางการเกษตรสำหรับปรับโครงสร้างทางกายภาพของดิน เก็บรวบรวมข้อมูลจากเกษตรกรในพื้นที่ตำบลหนองราชวัตร อำเภอหนองหญ้าไซ จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งเป็นผู้ที่เกิดในครอบครัวเกษตร และประกอบอาชีพเกษตรกรรมติดต่อกันเป็นระยะเวลา 30 ปีขึ้นไป จำนวน 11 ครัวเรือน โดยการสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth Interview) ร่วมกับการสังเกตแบบมีส่วนร่วม (Participant Observation) ด้วยแบบสอบถามกึ่งโครงสร้าง (Semi-Structured Questionnaire) คำถามปลายเปิด (Open Ended Question) ผลการศึกษา พบว่า เครื่องผ่อนแรงทางการเกษตรที่มีต้นกำลังมาจากแรงคนที่นิยมใช้มากที่สุด คือ จอบ โดยพบว่า ขั้นตอนการปลูกพืช 3 ขั้นตอน คือ 1) การเตรียมดิน 2) การดูแลรักษา และ 3) การเก็บเกี่ยว เป็นขั้นตอนการปลูกพืชที่มีผลต่อโครงสร้างกายภาพของดิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งขั้นตอนที่ 2 การดูแลรักษา เป็นขั้นตอนที่เกษตรกรนิยมใช้เครื่องผ่อนแรงทางการเกษตรที่มีต้นกำลังมากจากแรงคนมากที่สุด การปลูกพืชผักเป็นการทำเกษตรที่เกษตรกรนิยมใช้เครื่องผ่อนแรงทางการเกษตรที่มีต้นกำลังมากจากแรงคนมากที่สุด ผลการศึกษาความต้องการที่แท้จริงพบว่า เกษตรกรมีความต้องการสร้างเครื่องผ่อนแรงทางการเกษตรที่มีต้นกำลังมาจากแรงคนรูปแบบใหม่ที่มีการใช้แรงน้อยมากที่สุด ผลที่ได้จากการศึกษาครั้งนี้นำไปสู่การสร้างเครื่องผ่อนแรงทางการเกษตรที่เหมาะสมกับลักษณะเฉพาะของครอบครัวเกษตรในพื้นที่เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิตของการเพาะปลูกพืชต่อไป
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงตีพิมพ์ใน Journal of Vocational Education in Agriculture ถือเป็นข้อคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรง ซึ่งกองบรรณาธิการวารสารไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือร่วมรับผิดชอบใดๆ
บทความ ข้อมูล เนื้อหา ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ใน Journal of Vocational Education in Agriculture ถือเป็นลิขสิทธิ์ของJournal of Vocational Education in Agriculture หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อกระทำการใดๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Journal of Vocational Education in Agriculture ก่อนเท่านั้น
เอกสารอ้างอิง
อติรัฐ มากสุวรรณ์ และอาภาพงศ์ ชั่งจันทร์. (2562). หลักการเครื่องกลสำหรับเครื่องผ่อนแรงทางการเกษตร. ปทุมธานี: โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยรังสิต.
วชิราวุธ พิศยะไตร. (2558). พื้นฐานงานช่างและเครื่องจักรกลเกษตร. อุดรธานี: มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี.
สุพรรษา ไวอติวัฒน์. (2560). การเปรียบเทียบต้นทุนและผลตอบแทนของการปลูกข้าวแบบเกษตร อินทรีย์กับเกษตรเคมี. (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี).
อัจฉรา กลิ่นจันทร์. (2557). การศึกษาต้นทุนและผลตอบแทนของการปลูกข้าวอินทรีย์ในจังหวัดเพชรบูรณ์ (รายงานผลการวิจัย). เพชรบูรณ์: มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์.
วุฒิพล จันทร์สระคู และคณะ. (2559). การพัฒนาเครื่องปลูกสับปะรดแบบพ่วงท้ายรถแทรกเตอร์ขนาดกลาง. วารสารวิชาการเกษตร, 34(2), 114-124.
ณรงค์เดช ซื่อสกุลรัตน์ และสามารถ บุญอาจ. (2561). เครื่องปลูกมันสำปะหลังแบบใช้กับแทรกเตอร์
ขนาดเล็ก. วารสารสมาคมวิศวกรรมเกษตรแห่งประเทศไทย, 24(1), 1-5.
ขนิษฐ์ หว่างนรงค์ และคณะ. (2546). วิจัยและพัฒนาจอบหมุนติดรถแทรกเตอร์สี่ล้อขนาดเล็กสำหรับพรวนดินสวนผลไม้. วารสารวิชาการเกษตร, 21(3), 226-234.
ยุทธนา เครือหาญชาญพงศ์ และคณะ. (2553). เครื่องมือเก็บเกี่ยวทะลายปาล์มน้ำมัน (Elaeis guineensis Jacq) แบบสปริง. วารสารวิชาการเกษตร, 28(3), 297-305.
ศิวลักษณ์ ปฐวีรัตน์ และคณะ. (2532). การพัฒนาเครื่องมือเก็บเกี่ยวผลไม้. วารสารวิชาการเกษตร, 7(1-3), 69-78.
วรานน พันธ์พฤกษ์ และคณะ. (2539). เครื่องเก็บเกี่ยวข้าวโพดติดรถไถเดินตาม. วารสารวิชาการเกษตร, 14(2), 117-127.
ชาตรี มีฤทธิ์ และคณะ. (2545). การพัฒนาฐานข้อมูลเครื่องทุ่นแรงทางการเกษตรภูมิปัญญาท้องถิ่น. (ปริญญานิพนธ์ปริญญาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยนเรศวร).
ชัยนูรดีน นิมา. (2562). ความต้องการของชุมชนต่อการให้บริการวิชาการของวิทยาลัยอิสลามศึกษา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์. วารสาร อัล-ฮิกมะฮฺ มหาวิทยาลัยฟาฏอนี, 9(17), 135-143.
จิตร เกื้อช่วย และบำเพ็ญ เขียวหวาน. (2556). ความต้องการส่งเสริมอาชีพของเกษตรกรตำบลบางขุนทอง อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส. วารสารมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนคริทร์, 5(2), 67-75.
Rosenthal, R. (1991). Mata-Analytic Procedures for Social Research. Newbury Park, CA: Sage Publications.
Hunter, J. E., & Schmidt, F. L. (1990). Methods of meta-analysis: Correcting error and bias in research findings. Newbury Park, CA: Sage Publications.
Carney, T. (1972). Content analysis. Winnipeg: University of Manitoba Press.
สุภางค์ วันทวานิช. (2549). วิธีการวิจัยเชิงคุณภาพ. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
Gaber, J. (2000). Meta-needs assessment. Evaluation and Program Planning, 23(2), 139-147.
Denzin, N. K. (1978). The research act: A theoretical introduction to sociological methods. 2nd ed. New York: McGraw Hill.
Bryman, A. (1992), Charisma and Leadership in Organisations. Newbury Park, CA: Sage Publications.
Greene, J. C., & McClintock, C. (1985). Triangulation in evaluation: Design and analysis issues. Evaluation Review, 9(5), 523–545.
Charmaz, K. (2003). Grounded theory: Objectivist and constructivist methods. In N. K. Denzin & Y. S. Lincoln (Eds.), Strategies of qualitative inquiry (2nd ed., pp. 249–291). Thousand Oaks, CA: Sage.
Crabtree, B. F. & DiCicco-Bloom, B. (2006). The qualitative research interview. Medical Education, 40(4), 314-321.
Guest, G., et al. (2006). How many interviews are enough? An experiment with data saturation and variability. Field Methods, 18(1), 59–82.
González-Vallejo, C. (2009). The deliberation-without-attention effect: Evidence for an artifactual interpretation. Psychological Science, 20(6), 671–675.
Patton, M. Q. (2001). Qualitative Research and Evaluation and Methods. 3rd ed. CA: Sage Publications.
ชาย โพธิสิตา. (2564). ศาสตร์และศิลป์การวิจัยเชิงคุณภาพ. พิมพ์ครั้งที่ 8. กรุงเทพฯ:สำนักพิมพ์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
นิศา ชูโต. (2548). การวิจัยเชิงคุณภาพ. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ: พริ้นต์โพร.
ภาณุพงศ์ อนันต์ชัยพัทธนา. (2552). การวิเคราะห์เส้นทางแห่งความสำเร็จของครูพิการ: พหุกรณีศึกษา. (วิทยานิพนธ์มหาบัณฑิต, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย).
Ulin, P. R., et al. (2002). Qualitative Methods: a Field Guide for Applied Research in Sexual and Reproductive Health. USA: Family Health International
Willing, C. (2013). Introducing Qualitative Research in Psychology. 3rd ed. London: Open University Press.
นริศ เจริญพร. (2543). การยศาสตร์. ปทุมธานี: ภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
Chaffin, D. B. & Andersson, G. B. J. (1995), Occupational Ergonomics. 2nd ed. New York: John Wiley & Sons.
กรมทรัพยากรน้ำบาดาล. (2555). โครงการนำร่องการศึกษาการพัฒนาน้ำบาดาลเพื่อการเกษตร(รายงานผลการวิจัย). กรุงเทพฯ: กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม.
เกวลิน ศรีจันทร์ และคณะ. (2558). มุมมองดินเชิงกายภาพเพื่อประสิทธิภาพการผลิตพืช. วารสารดินและปุ๋ย, 37(1-4), 55-64.
สยาม ยิ้มศิริ. (2561). คุณสมบัติการบดอัดของดินที่มีอนุภาคใหญ่ปน (รายงานผลการวิจัย). ชลบุรี: มหาวิทยาลัยบูรพา.
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร. (2561). ข้าวนาปี: ร้อยละและปริมาณผลผลิตจากการเก็บเกี่ยวรายเดือนปีเพาะปลูก 2561-2562. เข้าถึงได้จาก http://www.oae.go.th.
สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม. (2554). อุตสาหกรรมเครื่องจักรกลการเกษตร (รายงานการศึกษา).
กรุงเทพฯ: กระทรวงอุตสาหกรรม.
กิตติ วงส์พิเชษฐ และคณะ. (2546). ชุดเครื่องมือพื้นฐานสำหรับผลิตเมล็ดพันธ์ถั่วลิสง. วารสารวิชาการเกษตร, 21(2), 115-135.
อติรัฐ มากสุวรรณ์. (2563). หลักการและค่าได้เปรียบเชิงกลของเครื่องกลสามัญและเครื่องกลเชิงซ้อนสำหรับเครื่องผ่อนแรงทางการเกษตร. วารสารวิชาการสถาบันการอาชีวศึกษาเกษตร, 4(1), 1-19.
วีระชัย ศรีวัฒนพงศ์ และ ทรงเชาว์ อินสมพันธ์. (2532). อิทธิพลของการพูนโคนที่มีต่อผลผลิตของถั่วลิสง 2 พันธุ์ในสภาพที่ดอน. ขอนแก่น: มหาวิทยาลัยขอนแก่น คณะเกษตรศาสตร์