Lipaphis erysimi Kalt. Studies on Biology and Destruction of Lipaphis erysimi Kalt. (Homoptera : Aphididae)
Abstract
ผักเป็นอาหารประจำวันที่สำคัญของมนุษย์ทั่วโลก เพราะเป็นอาหารให้แร่ธาตุและวิตามินต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อร่างกาย แทบทุกประเทศมนโลกจึงพยายามปลูกผักให้พียงพอกับความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่การปลูกผักมักจะได้ผลผลิตไม่ดีเท่าที่ควร เนื่องจากมีโรคและแมลงเป็นศัตรูหรืออุปสรรคสำคัญ เพลี้ยอ่อนผัก Lipaphis erysimi Kalt. เป็นแมลงศัตรูชนิดสำคัญชนิดหนึ่งของพืชประเภทผัก แมลงชนิดนี้มีขนาดเล็ก แต่เป็นศัตรูที่ร้ายแรง ส่วนใหญ่อาศัยเป็นกลุ่ม ๆ ใต้ใยผัก สามารถดูดกินน้ำลี้ยงจากทุก ๆ ส่วนของพืช เช่น ลำต้น ใบ ดอก และฝัก Esquerra และผู้ร่วมงาน (2) รายงานว่า เพลี้ยอ่อนชนิดนี้เป็นศัตรูสำคัญของผักจำพวกกะหล่ำ ใน Texas พบว่า ทำลาย turnio, radish, cabbage, mustard, kale, collard, rape, lettuce และพืชตระกูลถั่ว เขากล่าวว่า เพลี้ยอ่อนชนิดนี้ขยายพันธุ์ได้รวดเร็ว เมื่อระบาดมาก ๆ จะทำให้พืชแคระแกรนและตายในที่สุด ในฤดูหนาวเพลี้ยอ่อนจะอยู่ข้ามฤดูหนาวได้โดยอาศัยอยู่บนต้น turnips ในปี 1948 Peairs และผู้ร่วมงาน (5) พบว่า Lipaphis erysimi Kalt. ระบาดมากในฤดูใบไม้ร่วงในแถบ Kansas ถึง Texas และรายงานว่า ชีววิทยาของเพลี้ยอ่อนชนิดนี้มีลักษณะคล้ายคลึงกับเพลี้ยอ่อนกะหล่ำ Brevicoryne brassicae L. ในปี 1966 (6) Peairs ได้ศึกษาค้นพบว่า เพลี้ยอ่อนผักกาดสามารถมีชีวิตได้ระหว่าง 15-45 ชั่วอายุขัยต่อปี ใน Colorado Pammer และผู้ร่วมงาน (4) พบเพลี้ยอ่อนชนิดนี้ระบาดได้ตลอดปี ระบาดมากในปลายฤดูร้อนและฤดูใบไม้ร่วง สามารถทำลายพืชพวก turnip (Brassica rapa), watercress (Roripa nasturtium aquaticum), radish, (Raphanus sativa) และ stock (Matthiola sp.) Cottier (1) กล่าวว่า การสืบพันธุ์ของเพลี้ยอ่อนจะมีได้ 2 แบบ คือ แบบใช้เพศและไม่ใช้เพศ สำหรับการสืบพันธุ์แบบใช้เพศจะมีเฉพาะในเขตหนาวเท่านั้น ส่วนในเขตร้อนจะมีการสืบพันธุ์แบบไม่ใช้เพศ และถ้าอุณหภูมิต่ำลง การสืบพันธุ์ของเพลี้ยอ่อนจะเป็นไปอย่างช้ามาก ในตอนกลางคืนและตอนเหนือของยุโรป เพลี้ยอ่อนจะสืบพันธุ์แบบใช้เพศในฤดูใบไม้ร่วง และในปะเทศนิวซีแลนด์ปรากฏว่า ตลอดฤดูหนาวเพลี้ยอ่อนจะขยายพันธุ์ได้แบบไม่ใช้เพศ (3)
Downloads
Published
How to Cite
Issue
Section
License
online 2452-316X print 2468-1458/Copyright © 2022. This is an open access article under the CC BY-NC-ND license (http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0/),
production and hosting by Kasetsart University of Research and Development Institute on behalf of Kasetsart University.