ผลของการบริโภคนมต่อระดับแคลเซียมและวิตามินบี 12 ในเลือดของอาสาสมัครที่มีภาวะเมตาบอลิกซินโดรม

บทคัดย่อ

ปริมาณแคลเซียมในเลือดมีความสัมพันธ์กับอุบัติการณ์การเกิดภาวะเมตาบอลิกซินโดรม ผู้ที่มีภาวะเมตาบอลิกซินโดรมอาจมีระดับวิตามินบี 12 ในเลือดต่ำกว่าคนปกติ การศึกษาทางคลินิกเกี่ยวกับการบริโภคนมต่อปริมาณแคลเซียมและวิตามินบี 12 ในเลือดของผู้ที่มีภาวะเมตาบอลิกซินโดรมยังมีอยู่อย่างจำกัด การศึกษาทางคลินิกนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของการบริโภคนมที่ต่างชนิดกันต่อการเปลี่ยนแปลงของแคลเซียมและวิตามินบี 12 ในผู้ที่มีภาวะเมตาบอลิกซินโดรม กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้ที่มีภาวะเมตาบอลิกซินโดรม จำนวน 70 คน ถูกสุ่มเป็น 4 กลุ่ม กลุ่ม 1 ได้รับนมวัว กลุ่ม 2 นมถั่วเหลืองผสมนมผง กลุ่ม 3 นมถั่วเหลืองแคลเซียมสูงรสจืด และกลุ่ม 4 นมถั่วเหลืองแคลเซียมสูงรสมัลติเกรน กลุ่ม 1 และ 2 บริโภคนมวันละ 500 มิลลิลิตร ขณะที่กลุ่ม 3 และ 4 บริโภคนมวันละ 460 มิลลิลิตร แบ่งบริโภควันละ 2 ครั้ง ก่อนอาหารเช้าและเย็น 15-30 นาที เป็นเวลา 8 สัปดาห์ วัดผลการเปลี่ยนแปลงของแคลเซียมและวิตามินบี 12 ในเลือดในสัปดาห์ที่ 0, 4 และ 8 วิเคราะห์ความแตกต่างภายในกลุ่มด้วย One way repeated measures ANOVA และ Friedman two-way analysis of variance วิเคราะห์ความแตกต่างระหว่างกลุ่มด้วย One way ANOVA และ Kruskal-Wallis test ผลการศึกษาภายในกลุ่มพบว่านมวัว นมถั่วเหลืองแคลเซียมสูงทั้งรสจืดและรสมัลติเกรนเพิ่มแคลเซียมในเลือดได้อย่างมีนัยสำคัญ นมทั้ง 4 ชนิดยังช่วยเพิ่มวิตามินบี 12 ในเลือดได้อย่างมีนัยสำคัญ ผลการศึกษาระหว่างกลุ่มพบว่า นมถั่วเหลืองแคลเซียมสูงรสมัลติเกรนและนมวัวช่วยเพิ่มวิตามินบี 12 ได้มากกว่านมถั่วเหลืองผสมนมผงและนมถั่วเหลืองแคลเซียมสูงรสจืด ดังนั้นนมที่ต่างชนิดกันมีผลต่อการดูดซึมแคลเซียมกับวิตามินบี 12 ที่แตกต่างกันโดยนมวัวและนมถั่วเหลืองที่เสริมแคลเซียมส่งผลให้แคลเซียมและวิตามินบี 12 ในเลือดเพิ่มสูงขึ้น