การพัฒนาระบบค้นหาเป้าหมายปืนใหญ่ด้วยเสียง

Main Article Content

ไชยพล กลิ่นจันทร์
สุรศักดิ์ แพน้อย

บทคัดย่อ

          การวิจัยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาระบบค้นหาตำแหน่งเป้าหมายจากแหล่งกำเนิดเสียงปืนใหญ่ เพื่อใช้สำหรับสนับสนุนการรบของหน่วยทหารปืนใหญ่ การพัฒนาระบบค้นหาตำแหน่งของปืนใหญ่ด้วยเสียงเป็นวิธีการค้นหาที่ตั้งปืนใหญ่ฝ่ายข้าศึกด้วยวิธีเชิงรับ (passive attack) หลักการคืออาศัยการรับเสียงการยิงปืนใหญ่ของฝ่ายข้าศึกและนำมาคำนวณโดยใช้วิธีหาความต่างของเวลาการรับสัญญาณ (time difference of arrivals : TDOA) ซึ่งเป็นวิธีการประมาณค่าความต่างทางเวลาของสัญญาณเสียงที่เดินทางมาถึงตัวรับสัญญาณเสียงแต่ละตัว งานวิจัยได้ดำเนินการ 1) พัฒนาเครื่องมือรับสัญญาณเสียงปืนใหญ่จำนวน 1 ชุด ซึ่งประกอบด้วยตัวรับสัญญาณเสียง 6 ตัว  2) พัฒนาเครื่องมือส่งสัญญาณผ่านวิทยุสื่อสารย่านความถี่ วี เอช เอฟ (VHF) และ 3) พัฒนาโปรแกรมคำนวณหาพิกัดเสียงปืนใหญ่ และมีการเพิ่มความแม่นยำในการคำนวณด้วยการใช้ผลการวัดทางอุตุนิยมวิทยาจากเครื่องมือตรวจอากาศร่วมด้วย


          ผลของการวิจัย จากการทดสอบระบบค้นหาเป้าหมายปืนใหญ่ด้วยเสียง ในพื้นที่ทดสอบคือสนามยิงปืนใหญ่ของศูนย์การทหารปืนใหญ่ จังหวัดลพบุรี ซึ่งในสนามทดสอบมีภูมิประเทศเป็นพื้นที่แนวราบมีเขาความสูงไม่เกิน 440 เมตร ล้อมรอบ ระบบสามารถให้ความถูกต้องแม่นยำอยู่ในระดับที่ดี เกิดความผิดพลาดของการคำนวณพิกัดตำแหน่งแหล่งกำเนิดเสียงปืนใหญ่อยู่ในระยะผิดพลาดไม่เกิน 600 เมตร และระบบสามารถใช้งานได้ต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 48 ชั่วโมง ครอบคลุมระยะทางการรับสัญญาณเสียงปืนใหญ่ไปทางด้านหน้า 10 ตารางกิโลเมตร และผลของการประเมินระบบจากผู้เชี่ยวชาญ ได้ผลว่าระบบมีความสมบูรณ์และน่าเชื่อถืออยู่ในระดับที่ดี

Article Details

How to Cite
กลิ่นจันทร์ ไ., & แพน้อย ส. (2019). การพัฒนาระบบค้นหาเป้าหมายปืนใหญ่ด้วยเสียง. วารสารวิชาการ มทร.สุวรรณภูมิ, 7(1), 114–125. สืบค้น จาก https://li01.tci-thaijo.org/index.php/rmutsb-sci/article/view/118874
บท
บทความวิจัย

References

กัณวัตม์ ไชยารัศมี, และชัชชัย คุณบัว. (2553). ระบบติดตามและระบุตําแหน่งของวัตถุในพื้นที่โล่งโดยใช้เครือข่ายตรวจจับไร้สาย (Zigbee). ใน การประชุมทางวิชาการเสนอผลงานวิจัยระดับบัณฑิตศึกษา ครั้งที่ 11 (น. 461-467). ขอนแก่น: มหาวิทยาลัยขอนแก่น.

เชิดพงษ์ จอมเดช, และอาษา ประทีปเสน. (2549). หัวตรวจสอบอุคูสติกอีมิสชั่นแบบเรโซแนนซ์ โดยใช้เพียโซอิเล็กทริกเซรามิกส์ผลึกเดีย (คุณลักษณะและคุณสมบัติในการตรวจสอบ). วารสารวิจัยและพัฒนา มจธ, 29(4), 483-498.

ชมพล อามระดิษ. (2550). การปรับโครงสร้างระบบการส่งกำลังบำรุงของกองทัพบก ศึกษาเฉพาะกรณี กองทัพภาคที่ 1 (ภาคนิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, กรุงเทพฯ.

นราเทพ พฤกษหิรัญ. (2557). ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเทคโนโลยีเรดาร์ SAR (Synthetic aperture radar). นครนายก: โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า.

Baluta, S., & Andrei, G. (2012). Determining the coordinates of a hostile gunfire by using the sound ranging method. In Proceeding of the International Conference of Scientific Paper AFASES (pp. 637-640). Brasov, Romania: Association for research and education.

Fear, E. C., Meaney, P. M., & Stuchly, M. A. (2003). Microwaves for breast cancer detection?. IEEE Potentials, 22(1), 12-18.

Gillette, M. D., & Silverman, H. F. (2008). A linear closed-form algorithm for source localization from time-differences of arrival. IEEE Signal Processing Letters, 15, 1-4.

Potluri, S. (2002). Hyperbolic position location estimator with TDOAS from four stations (Master’s thesis). New Jersey Institute of Technology, USA.

Schermerhorn, E. (2015). Sound source localization using a 2D acoustic vector sensor (Research report). Netherlands: University of Twente.

Sterling, C. H. (2008). Military communications: from ancient times to the 21st century. California: Santa Barbara.

Talbot-Smith, M. (2000). Sound engineer’s pocket book (2nd Ed.). USA: Focal Press.

Wu, S. F., & Zhu, N. (2013). Passive sonic detection and ranging for locating sound sources. J Acoust Soc Am., 133(6), 4054-4064.