ชีวผลิตภัณฑ์ย่อยสลายสารเคมีกำจัดศัตรูพืชในกลุ่มไพรีทรอยด์ ออร์กาโนฟอสเฟต และคาร์บาเมต

Main Article Content

ปัญญาพร อดิษภาส
นิชากรณ์ ใจดี
จุฑารัตน์ พรมสอน
ฟ้าไพลิน เกียรติ์ชัยภา
ภาวิณี แสงสุข
สุวิจักขณ์ สมจินดา
วิลาวรรณ์ เชื้อบุญ

บทคัดย่อ

ชีวผลิตภัณฑ์สำหรับย่อยสารเคมีกำจัดศัตรูพืชตกค้างในดินทางการเกษตรในรูปแบบหัวเชื้อเพิ่มปริมาณโดยมีแบคทีเรียที่มีประโยชน์ที่มีประสิทธิภาพในการสลายสารเคมี 3 สายพันธุ์ ได้แก่ สายพันธุ์ SP-TU-C (สลายสารเคมีในกลุ่มไพรีทรอยด์) SP-TU-15-2 (ออร์กาโนฟอสเฟต) และ SP-TU 2-12Y (คาร์บาเมต) นำแบคทีเรียที่มีประโยชน์ดังกล่าวบรรจุในเม็ดบีดส์แต่ละสายพันธุ์ด้วยวิธี spherification เพื่อใช้เป็นหัวเชื้อในการเพิ่มปริมาณในสูตรอาหารเพิ่มปริมาณ โดยพัฒนาสูตรอาหารเพิ่มปริมาณได้ 3 สูตร ที่มีประสิทธิภาพในการเพิ่มปริมาณของแบคทีเรียที่มีประโยชน์ดีกว่าอาหารสูตรมาตรฐาน nutrient glucose broth (NGB) ได้แก่ TU-F1 (ยีสต์ 10 กรัม น้ำ 1 ลิตร) TU-F2 (ยีสต์ 5 กรัม รำข้าว 2.5 กรัม น้ำ 1 ลิตร) และ TU-F3 (ยีสต์ 1 กรัม รำข้าว 1 กรัม ถั่วเหลืองบด 1 กรัม น้ำ 1 ลิตร) โดยสามารถเพิ่มปริมาณเชื้อสายพันธุ์ SP-TU-C, SP-TU-15-2 และ SP-TU 2-12Y เฉลี่ย 1.59 x 1023, 3.50 x 1023 และ 2.10 x 1023 โคโลนีต่อมิลลิลิตร ตามลำดับ ทั้งนี้เลือกสูตรอาหารเพิ่มปริมาณ TU-F1 ในการศึกษาระยะเวลาที่เหมาะสมในการเพิ่มปริมาณของหัวเชื้อแบคทีเรียและอายุการเก็บรักษา วางแผนการทดลองแบบ completely randomized design (CRD) กรรมวิธี 3 ซ้ำ เติมหัวเชื้อแบคทีเรียที่บรรจุในเม็ดบีดส์ปริมาณ 10 กรัม ต่ออาหารสูตรเพิ่มปริมาณ 1 ลิตร พบว่าแบคทีเรียเจริญเติบโตได้ดีมี Lag และ Log phase สั้นภายใน 3 ชั่วโมงเท่านั้น และเข้าสู่ stationary phase ตั้งแต่ 3-48 ชั่วโมงหลังเลี้ยงเชื้อ อายุการเก็บรักษาของชีวผลิตภัณฑ์ พบว่าหลังเก็บรักษาที่ 5±2 องศาเซลเซียส นาน  3 เดือน เชื้อยังมีปริมาณประชากรคงที่ โดยมีปริมาณประชากรแบคทีเรียสายพันธุ์ SP-TU-C, SP-TU-15-2 และ SP-TU 2-12Y เฉลี่ย 1.0 x 1023, 3.0 x 1023 และ 9.6 x 1022 โคโลนีต่อมิลลิลิตร ตามลำดับ เพื่อยืนยันประสิทธิภาพของชีวผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาขึ้นควรมีการทดสอบประสิทธิภาพในการย่อยสลายในสภาพไร่และอายุการเก็บรักษาที่ยาวนานขึ้น

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
อดิษภาส ป., ใจดี น., พรมสอน จ., เกียรติ์ชัยภา ฟ., แสงสุข ภ., สมจินดา ส., & เชื้อบุญ ว. (2020). ชีวผลิตภัณฑ์ย่อยสลายสารเคมีกำจัดศัตรูพืชในกลุ่มไพรีทรอยด์ ออร์กาโนฟอสเฟต และคาร์บาเมต. Thai Journal of Science and Technology, 9(5), 701–710. https://doi.org/10.14456/tjst.2020.74
ประเภทบทความ
วิทยาศาสตร์ชีวภาพ
ประวัติผู้แต่ง

ปัญญาพร อดิษภาส

สาขาวิชาเทคโนโลยีการเกษตร คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี 12120

นิชากรณ์ ใจดี

สาขาวิชาเทคโนโลยีการเกษตร คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี 12120

จุฑารัตน์ พรมสอน

สาขาวิชาเทคโนโลยีการเกษตร คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี 12120

ฟ้าไพลิน เกียรติ์ชัยภา

สาขาวิชาเทคโนโลยีการเกษตร คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี 12120

ภาวิณี แสงสุข

สาขาวิชาเทคโนโลยีการเกษตร คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี 12120

สุวิจักขณ์ สมจินดา

สาขาวิชาเทคโนโลยีการเกษตร คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี 12120

วิลาวรรณ์ เชื้อบุญ

สาขาวิชาเทคโนโลยีการเกษตร คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี 12120

เอกสารอ้างอิง

ดาราวดี วงษ์ชาลี, 2558, ประสิทธิภาพของเชื้อแบคทีเรียปฏิปักษ์ Bacillus สูตร Encapsulate ในการควบคุมโรคแอนแทรคโนสของพริก, วิทยานิพนธ์ปริญญาโท, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี, นครราชสีมา.
นันทิกา สุนทรไชยกุล, 2560, ปัจจัยกำหนดการรับรู้ความเสี่ยงเกี่ยวกับการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชของชาวนาในอำเภอหนองฉาง จังหวัดอุทัยธานี, ว.ความปลอดภัยและสุขภาพ 10(1): 21-34.
พัชรี คำประเวช และสุธีรา วัฒนกุล, 2561, การผลิตเม็ดบีดส์น้ำเสาวรสด้วยเทคนิครีเวิร์สสเฟียริฟิเคชัน, ว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 26(8): 1382-1393.
มาลินี ลิ้มโภคา, 2527, พิษวิทยาและปัญหาที่พบในสัตว์, โรงพิมพ์จรัลสนิท, กรุงเทพฯ, 397 น.
สุธาสินี อั้งสูงเนิน, 2558, ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช, ว.วิชาการมหาวิทยาลัยอีสเทิร์นเอเชีย ฉบับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 9(1): 50-63.
Chandramoulia, V., Kailasapathya, K., Peirisp, P. and Jones, M., 2004, An improved method of micro- encapsulation and its evaluation to protect Lactobacillus spp. in simulated gastriccondition, J. Appl. Microbiol. 56: 27-35.
Costa, E., Usall, J., Teixido, N., Garcia, N. and Vinas, I., 2000, Effect of protective agents, rehydrationmedia and initial cell concentration on viability of Pantoea agglomerans strain CPA-2 subjected to freeze-drying, J. Appl. Microbiol. 89: 793-800.
Doumeche, B., Kuppers, M., Stapf, S., Blumich, B., Hartmeier, W. and Ansorge-Schuma cher, M.B., 2004, New approaches to visualization, quantification and explanation of acid-induced waterloss from Ca-alginate hydrogel beads, J. Microencapsulat. 21: 565-573.
Liew, S.L., Ariff, A.B. Raha, T.A.R. and Hoa, Y.W., 2005, Optimization of composition for the production of a probiotic microorganism, Lactobacillus rhamnosus, using response surface methodology, J. Food Microbiol. 102: 137-142.
Morgan, C.A., Herman, N., White, P.A. and Vesey, G., 2006, Preservation of micro- organisms by drying, J. Microbiol. Methods 66: 183-193.
Siriwong, W., Thirakhupt, K., Sitticharoenchai, D., Borjan, M. and Robson, M., 2008, Organochlorine pesticide residues in plankton, Rangsit agricultural area, Central Thailand, J. Toxicol. Environ. Health Sci. 81: 608-612.