วัคซีนเซลล์เดนไดรติกและภาวะภูมิไวเกิน

ผู้แต่ง

  • เมฐิต์รินทร์ วรวิสุทธิกูล โรงเรียนนิวตัน
  • ปิญลักษ์ งามเลิศดนัย โรงเรียนนานาชาติสิงคโปร์ กรุงเทพมหานคร
  • ณฌฌิณ สลีวงศ์ โรงเรียนสามเสนวิทยาลัย
  • พีรภัทร ภูริภัทรพันธุ์ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา
  • พราว พร้อมพัฒนภักดี โรงเรียนนานาชาติสิงคโปร์ กรุงเทพมหานคร
  • อัลลีธ์ชา พงษ์วิทยภานุ โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร (ฝ่ายมัธยม)
  • พิชญดา จันทาทอง โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย
  • ศุจิมน มงคลรังษี นักวิจัยอิสระ

คำสำคัญ:

เซลล์เดนไดรติก, ภูมิไวเกิน, วัคซีน, มะเร็ง, อาการแพ้

บทคัดย่อ

การศึกษามีวัตถุประสงค์เพื่อทบทวนบทบาทของเซลล์เดนไดรติกในการเกิดภาวะภูมิไวเกิน และประเมินศักยภาพของการตอบสนองแบบภูมิไวเกินชนิดล่าช้า (Delayed-Type Hypersensitivity: DTH) ในการเป็นตัวชี้วัดผลลัพธ์ของวัคซีนเซลล์เดนไดรติกในการรักษาโรคมะเร็ง เป็นการทบทวนวรรณกรรมเชิงพรรณนา (Narrative Review) โดยรวบรวมข้อมูลจากฐานข้อมูล PubMed, Scopus, ScienceDirect และ Google Scholar โดยใช้คำสำคัญ  “dendritic cell vaccine,” “hypersensitivity,” “delayed-type hypersensitivity,” และ “cancer immunotherapy” โดยเน้นบทความที่ตีพิมพ์ระหว่างปี พ.ศ. 2542–2568 ผลการศึกษาพบว่า  ผู้ป่วยที่มีผล DTH เป็นบวกหลังได้รับวัคซีนเซลล์เดนไดรติก  มักมีแนวโน้มการตอบสนองต่อการรักษาที่ดีในหลายชนิดของมะเร็ง เช่น melanoma, nasopharyngeal carcinoma และมะเร็งปอด โดยการตอบสนองแบบ DTH สัมพันธ์กับการเพิ่มขึ้นของเซลล์ T จำเพาะและไซโตไคน์ เช่น IL-2 และ IFN-γ อย่างไรก็ตาม การวัด DTH แบบดั้งเดิมอาจยังขาดความแม่นยำ จึงมีข้อเสนอให้ใช้วิธีทางเนื้อเยื่อวิทยาในการประเมินผลเพิ่มเติม การตอบสนองแบบ DTH มีศักยภาพเป็นตัวชี้วัดประสิทธิภาพของวัคซีนเซลล์เดนไดรติกในการรักษาโรคมะเร็ง แต่ยังจำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อพัฒนาเกณฑ์มาตรฐานที่แม่นยำและเชื่อถือได้มากยิ่งขึ้น

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2025-06-30

รูปแบบการอ้างอิง

วรวิสุทธิกูล เ., งามเลิศดนัย ป., สลีวงศ์ ณ., ภูริภัทรพันธุ์ พ., พร้อมพัฒนภักดี พ., พงษ์วิทยภานุ อ., จันทาทอง พ., & มงคลรังษี ศ. (2025). วัคซีนเซลล์เดนไดรติกและภาวะภูมิไวเกิน. วารสารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย, 14(1), 12–22. สืบค้น จาก https://li01.tci-thaijo.org/index.php/apheitoffice_science/article/view/266653

ฉบับ

ประเภทบทความ

Research article