เจตคติในการประกอบอาชีพหลังสำเร็จการศึกษาของนักศึกษาระดับปริญญาตรี กรณีศึกษาคณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

บทคัดย่อ

     ปัจจุบันประเทศไทยเร่งพัฒนาในหลายด้านและต้องการบุคลากรจำนวนมากเพื่อเป็นกลไกในการ พัฒนาประเทศ บัณฑิตจบใหม่จึงเป็นแหล่งทรัพยากรมนุษย์ในการพัฒนาที่สำคัญ ดังนั้นการทราบถึงแนวคิดในการประกอบอาชีพของบัณฑิตจึงเป็นเรื่องจำเป็น งานวิจัยจึงมุ่งเน้นไปที่การศึกษาปัจจัยต่าง ๆ เจตคติการวิเคราะห์องค์ประกอบของเจตคติ และแนวทางในการตัดสินใจในการประกอบอาชีพหลังสำเร็จการศึกษาของนักศึกษาเกษตร มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เก็บข้อมูลด้วยแบบสอบถามออนไลน์จากนักศึกษา คณะเกษตรศาสตร์จำนวน 264 คน จากประชากรทั้งสิ้น 774 คน วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา และสถิติเชิงอนุมาน ผลการศึกษาพบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศหญิงร้อยละ 64.00 อายุเฉลี่ย 21.50 ปี ศึกษาสาขาวิชาสัตวศาสตร์และสัตว์นํ้าร้อยละ 28.40 เกรดเฉลี่ยสะสมเฉลี่ย 3.30 บิดามารดา ประกอบอาชีพเกษตรกรรม รายได้เฉลี่ยของครอบครัว 383,640.15 บาทต่อปี กลุ่มตัวอย่างได้รับเงินจากครอบครัว 32,740.53 บาทต่อเดือน มีเพื่อนสนิทเฉลี่ย 2.94 คน โดยสนิทสนมกับเพื่อนในระดับมาก (=4.13) มีความแนบแน่นต่อครอบครัวในระดับมากที่สุด (=4.39) การเลือกอาชีพกลุ่มตัวอย่างให้ความสำคัญไปที่การได้รับสวัสดิการสำหรับตัวเองและครอบครัวโดยกระแสโลกส่งผลต่ออาชีพที่ต้องการในเรื่องการยกระดับคุณภาพชีวิตที่สูงขึ้น ซึ่งมีแรงจูงใจและเจตคติในการประกอบอาชีพภาพรวมในระดับ มากที่สุด ( 4.56 และ 4.42) การวิเคราะห์องค์ประกอบการตัดสินใจ 20 ตัวแปร พบค่าความผันผวน 0.914 ซึ่งมีความสัมพันธ์กันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ โดยตัวแปรด้านกลุม่ อาชีพเกษตรกรรมมีความสำคัญ ที่สุด ในขณะที่พบ 9 ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อเจตคติต่อการประกอบอาชีพหลังสำเร็จการศึกษาคือ ความสนิทสนมต่อเพื่อน จำนวนเพื่อนสนิท ความแนบแน่นต่อครอบครัว อาชีพมารดา รายได้เฉลี่ยของครอบครัวต่อปี เงินได้ต่อเดือนจากครอบครัว สวัสดิการ การสอบเลื่อนขั้นเงินเดือน และแรงจูงใจ ดังนั้นนโยบาย การจัดการเรียนการสอนในยุคดิจิทัลเพื่อส่งเสริมการประกอบอาชีพของนักศึกษาหลังสำเร็จการศึกษา จึงเป็นแนวทางที่ช่วยในการตัดสินใจประกอบอาชีพของนักศึกษาเกษตรได้ในอนาคต