การวิเคราะห์เชิงปริมาณของสารกลุ่มแลคโตนรวมในใบฟ้าทะลายโจรด้วยเทคนิคสเปกโตรโฟโตเมทรี

Main Article Content

ณวงศ์ บุนนาค
ชุติมา แก้วพิบูลย์

บทคัดย่อ

งานวิจัยนี้เป็นการวิเคราะห์ปริมาณสารกลุ่มแลคโตนรวมโดยใช้เทคนิคสเปคโตรโฟโตเมทรี รวมถึงการแยกสารกลุ่มแลคโตนจากใบฟ้าทะลายโจร เพื่อเป็นสารมาตรฐานในการวิเคราะห์เชิงปริมาณ การทดลองนำส่วนสกัดหยาบอะซีโตนมาเป็นสารบริสุทธิ์โดยเทคนิคคอลัมน์โครมาโทกราฟีและวิเคราะห์โครงสร้างด้วยเทคนิค 1H NMR พบว่าสามารถแยกสารบริสุทธิ์ 14-ดีออกซี-11,12-ไดดีไฮโดรแอนโดรกราโฟไลด์และแอนโดรกราโฟไลด์ จากนั้นนำสารแอนโดรกราโฟไลด์ที่ได้มาเป็นสารมาตรฐาน โดยนำมาทำปฏิกิริยาเคมีที่จำเพาะของสาร Kedde และวัดค่าการดูดกลืนแสงความยาวคลื่น 541 นาโนเมตร แล้วตรวจสอบความถูกต้องของวิธีวิเคราะห์ พบว่ามีความสัมพันธ์เชิงเส้นตรงในช่วงความเข้มข้นที่ใช้วิเคราะห์ด้วยค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ 0.9969 ในช่วงความเข้มข้น 5-20 ร้อยละโดยน้ำหนัก และมีความแม่นยำด้วยค่าร้อยละส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานสัมพัทธ์ 1.01 นอกจากนี้มีค่าขีดจำกัดต่ำสุดซึ่งตรวจวัดได้ (LOD) ที่ความเข้มข้น 0.0089 ไมโครกรัมต่อมิลลิลิตร และค่าขีดจำกัดต่ำสุดซึ่งวิเคราะห์เชิงปริมาณ (LOQ) ได้ที่ความเข้มข้น 0.0211 ไมโครกรัมต่อมิลลิลิตร โดยผลการวิเคราะห์ในหัวข้อต่าง ๆ อยู่ในเกณฑ์การยอมรับมาตรฐานของการตรวจสอบความถูกต้องของวิธีวิเคราะห์ ปริมาณแลคโตนรวมที่ตรวจวัดโดยวิธีนี้ คือ 8.14±0.13 % (n = 3) และโดยวิธีมาตรฐานตาม Thai Herbal Pharmacopoeia คือ 7.86±0.26 % (n = 3) ซึ่งผลการวิเคราะห์ทั้ง 2 วิธี ไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญที่ความเชื่อมั่น 95 %

Article Details

ประเภทบทความ
Biological Sciences
ประวัติผู้แต่ง

ณวงศ์ บุนนาค, สาขาวิชาวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์พื้นฐาน คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ ตำบลเขารูปช้าง อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา 90000

สาขาวิชาวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์พื้นฐาน คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ วิทยาเขตสงขลา ตำบลเขารูปช้าง อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา 90000

ชุติมา แก้วพิบูลย์

สาขาวิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ วิทยาเขตพัทลุง ตำบลบ้านพร้าว อำเภอป่าพะยอม จังหวัดพัทลุง 93210

เอกสารอ้างอิง

Hossain, M.S., Urbi, Z., Sule, A. and Hafizur Rahman, K.M., 2014, Andrographis paniculata (Burm. f.) Wall. ex Nees: A review of ethnobotany, phytochemistry, and pharmacology, Sci. World J. 2014: 274905-274905.

Jarukamjorn, K. and Nemoto, N., 2008, Pharmacological aspects of Andrographis paniculata on health and its major diterpenoid constituent andrographolide, J. Health Sci. 54: 370-381.

Dos Santos-Neto, L.L., de Vilhena Toledo, M.A., Medeiros-Souza, P. and de Souza, G.A., 2006, The use of herbal medicine in Alzheimer's disease – a systematic review, Evid. Based Complement Alternat. Med. (eCAM) 3: 441-445.

Department of Medical Sciences, Ministry of Public Health, Thailand, 2007, Thai Herbal Pharmacopoeia, Vol. II, Office of Notional Buddishm Press, Bangkok.

Aromdee, C., Penkae, W. and Napaporn, J., 2005, Spectrophotometric determination of total lactones in Andrographis paniculata Nees, Songklanakarin J. Sci. Technol. 27: 1227-1231.

Seema, S., Yash, P.S. and Chitra, B., 2018, HPLC quantification of andrographolide in different parts of Andrographis paniculata (Burm.f.) Wall. ex Nees, J. Pharm. Phytochem. 7: 168-171.

Medical Sciences Department, Fa-Tha-Lai, 1995, Thai Herbal Pharmacopoeia, Vol. I, Prachachon Co., Ltd., Bangkok.

Sombut, S., Bunthawong, R., Sirion, U., Kasemsuk, T., Piyachaturawat, P., Suksen, K., Suksamrarn, A. and Saeeng, R., 2017, Synthesis of 14-deoxy-11,12-didehydro andrographolide analogues as potential cytotoxic agents for olangiocarcinoma, Bioorg. Med. Chem. Lett. 27: 5139-5143.