การเตรียมและศึกษาความคงตัวในการเก็บรักษาซีรั่มเสมือนจริง สำหรับการตรวจกรองแอนติบอดีโดยวิธีหลอดทดลองและวิธีคอลัมน์แอกกลูติเนชั่น
Main Article Content
บทคัดย่อ
การเรียนการสอนภาคปฏิบัติการในวิชาวิทยาศาสตร์การบริการโลหิตของคณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยรังสิต เรื่อง การตรวจกรองแอนติบอดี ต้องมีการเตรียมสิ่งตัวอย่างที่ให้ผลการตรวจกรองแอนติบอดีเป็นลบและบวก แต่มีข้อจำกัดคือต้องใช้เลือดจากผู้ป่วยในปริมาณมากเพื่อนำมาปั่นแยกซีรั่มออกมา จึงจะเพียงพอต่อนักศึกษาที่จะปฏิบัติจริง ซึ่งซีรั่มเป็นสิ่งตัวอย่างที่อาจเสี่ยงต่อโรคติดต่อ ได้แก่ เชื้อไวรัสตับอักเสบบี ไวรัสตับอักเสบซีและเชื้อไวรัสเอชไอวี งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเตรียมและศึกษาความคงตัวของซีรั่มเสมือนจริง เมื่อเก็บที่อุณหภูมิ 2 - 8 และ -20 องศาเซลเซียส สำหรับการตรวจกรองแอนติบอดี การเตรียมซีรั่มเสมือนจริงที่ให้ผลการตรวจกรองแอนติบอดีเป็นลบและบวก ทำโดยนำผงเก๊กฮวย โซเดียมคลอไรด์ อัลบูมิน ละลายในน้ำกลั่น เติมสีน้ำสีเหลืองไข่ ผสมจนสารละลายละลายเข้ากัน จากนั้นแบ่งเป็น 2 ส่วนเท่ากัน และเติม anti-D (IgG) ที่อัตราส่วนการเจือจางเท่ากับ 1: 8 เพื่อทำเป็นซีรั่มเสมือนจริงแบบให้ผลการตรวจกรองแอนติบอดีเป็นบวก ส่วนซีรั่มเสมือนจริงแบบให้ผลการตรวจกรองแอนติบอดีเป็นลบจะไม่เติม anti-D (IgG) แบ่งใส่หลอดทดลอง เพื่อเก็บที่อุณหภูมิ 2 - 8 และ -20 องศาเซลเซียส ทำการตรวจสอบลักษณะทางกายภาพ และตรวจกรองแอนติบอดี ด้วยวิธีหลอดทดลองและวิธีคอลัมน์แอกกลูติเนชั่น ทุก ๆ 3 วัน เป็นเวลา 27 วัน (วันที่ 0, 3, 6, 9, 12, 15, 18, 21, 24 และ 27) โดยทำการเปรียบเทียบผลการตรวจกรองแอนติบอดีกับค่าเริ่มต้น (วันที่ 0) ผลการทดลองพบว่าซีรั่มเสมือนจริง ที่เก็บที่อุณหภูมิ -20 องศาเซลเซียส มีความคงตัวของลักษณะทางกายภาพดีกว่าเก็บที่ 2 - 8 องศาเซลเซียส และการเก็บทั้งสองอุณหภูมิให้ผลการทดสอบ antibody screening ด้วยวิธีหลอดทดลองและวิธีคอลัมน์แอกกลูติเนชั่นเป็นลบและบวกจริงในทุกครั้งที่ทำการทดสอบ ผลจากงานวิจัยนี้น่าจะเป็นแนวทางในการเตรียมซีรั่มเสมือนจริง ที่ปลอดภัย ไม่เสี่ยงต่อโรคติดต่อ เพื่อใช้สำหรับการเรียนการสอนภาคปฏิบัติการ เรื่อง การตรวจกรองแอนติบอดี
Article Details
เอกสารอ้างอิง
ณภาภัช แสงทวีป, นูรอาฟีฟะร์ แชแมง, ปรีญาภัทร เม่งบุตร, วัชรินทร์ จันผือโป้ด, สุกฤตา พลอยมีค่า และอณิศรา อินทะชิน. (2564). การตรวจสอบซีรั่มเสมือนจริงสำหรับการตรวจกรอง Unexpected Antibody ที่ให้ผลการทดสอบเป็นลบและบวกโดย Conventional Tube Test และ Column Agglutination Technique. (ภาคนิพนธ์ปริญญาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยรังสิต, ปทุมธานี.
ฝ่ายผลิตน้ำยาแอนติซีรั่มและผลิตภัณฑ์เซลล์ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย. (2567). 3 % screening cells. กรุงเทพฯ: ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย.
ภัทรพร อิศรางกูร ณ อยธยา. (2548). อิศรางกูร ณ อยธยา, ภ. (2548). ภาวะแทรกซ้อนจากการรับเลือด เชื้อตับอักเสบบี ซี และเชื้อเอดส์ (HBV, HCV, HIV). สืบค้นจาก http://www.thalassemia.or.th/disease_trans.html
ภาวิณี คุปตวินทุ, มรกต เอมทิพย์ และ ดวงพร สังข์นุ่น. (2553). แอนติบอดีของหมู่เลือดชนิดต่างๆ ใน ผู้ป่วยที่ส่งตรวจ ณ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติฯ. วารสารโลหิตวิทยาและเวชศาสตร์บริการ โลหิต, 20(4), 255-262.
อังสนา โยธินารักษ์ และอรนันท์ พรหมมาโน. (2560). การศึกษาเบื้องต้นเพื่อเตรียมซีรั่มเสมือนจริงสำหรับการตรวจกรอง unexpected antibody [เอกสารประกอบการประชุม]. การประชุมวิชาการระดับชาติวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีระหว่างสถาบัน ครั้งที่ 5, กรุงเทพมหานคร, ประเทศไทย.
อังสนา โยธินารักษ์. (2561). การเตรียมซีรั่มเสมือนจริงสำหรับการตรวจกรอง unexpected antibody [Preparation of simulated serum for unexpected antibody screening] [เอกสารนำเสนอ]. การประชุมวิชาการระดับชาติวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีระหว่างสถาบัน ครั้งที่ 6, สมุทรปราการ, ประเทศไทย.
Tholpady, A. & Bai, Y. (2016). Antibody screening. Retrieved from http://emedicine.medscape.com/article/1731232-overview.
Raos, M., Novoselac, J., Burnac, I.L., Lukic, M., Leskovar, I., & Cepulic, B.G. (2018). Evaluation of antibody screening and identification pre-transfusion tests using DG
Roback, J.D., Combs, M.R., Grossman, B.J., Hillyer, C.D. (2008). Technical Manual 16th ed. Bethesda, American Association of Blood Banks.