ปฏิสัมพันธ์ระหว่างการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศและภาคส่วนป่าไม้โลก

บทคัดย่อ

ป่าไม้มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ พบว่าป่าไม้ช่วยกักเก็บคาร์บอนได้ประมาณหนึ่งในหกส่วนของปริมาณที่ถูกปลดปล่อยออกสู่บรรยากาศทั้งหมดยังพบว่าป่าไม้มีศักยภาพในการช่วยในการดูดซับและกักเก็บคาร์บอนประมาณถึง 30% ของปริมาณทั้งหมดที่ถูกปลดปล่อยจากภาคส่วนการใช้พลังงานฟอสซิล และภาคส่วนอุตสาหกรรม โดยเก็บกักอย่างยั่งยืนเป็นเวลาหลายทศวรรษหรือแม้แต่หลายร้อยปีในรูปของมวลชีวภาพ  ดิน และรูปแบบต่างๆในระบบป่าไม้ ประมาณว่าส่วนชีวภาคของโลกซึ่งเป็นแหล่งเก็บคาร์บอนในอัตราประมาณ 2.3 พันล้านตันต่อปีนั้น คิดเป็นปริมาณคาร์บอนที่ถูกเก็บสะสมในพื้นที่ป่าไม้ของโลกประมาณ 1,100 พันล้านตันคาร์บอนในขณะเดียวกันศักยภาพในการกักเก็บคาร์บอนของป่าธรรมชาติมีความผันแปรขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆในแต่ละชีวนิเวศ  นอกจากนั้นป่าไม้สามารถช่วยลดระดับคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศได้ถึงประมาณหนึ่งในสามของระดับที่ต้องการควบคุมเพื่อป้องกันไม่ให้อุณหภูมิเพิ่มขึ้นเกิน 2 °C ภายในปี พ.ศ.2573 (ภายใต้ความตกลงปารีส) ดังนั้นป่าไม้จึงเป็นภาคส่วนที่ช่วยชะลอปัญหาสภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลกได้อย่างดีอย่างไรก็ตามด้วยปัญหาการทำลายพื้นที่ป่าไม้กลับทำให้พื้นที่ป่าไม้ที่ถูกทำลายกลายเป็นแหล่งปล่อยระดับก๊าซเรือนกระจกถึงระดับ 12% และปลดปล่อยคาร์บอนออกสู่บรรยากาศในอัตรา 0.92 พันล้านตันคาร์บอนต่อปีการรบกวนหรือทำลายพื้นที่ป่าไม้ส่งผลอย่างยิ่งต่อการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ ในทางกลับกันคาดการณ์ว่าการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศที่จะยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่องไปถึงศตวรรษหน้าจะส่งผลย้อนกลับต่อระบบนิเวศป่าไม้อย่างมีนัยสำคัญเช่นกัน ยิ่งกว่านั้นการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศที่หลากหลายของโลกภายในศตวรรษนี้ ดังนั้นจึงมีความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการในการรองรับปัญหานี้ โดยการกำหนดยุทธศาสตร์ชาติ และ นโยบายระดับชาติ รวมทั้งการสร้างแรงจูงใจในเชิงบวกเพื่อดำเนินกิจกรรมการจัดการลดการปล่อยคาร์บอนจากปัญหาการทำลายป่าไม้และป่าเสื่อมโทรม รวมทั้งการอนุรักษ์ การจัดการป่าไม้อย่างยั่งยืน รวมทั้งการเพิ่มพื้นที่ป่าในประเทศเพื่อเป็นแหล่งกักเก็บคาร์บอนในธรรมชาติ สุดท้ายโดยการฟื้นคืนสภาพป่าเพื่อสร้างศักยภาพให้กลับมายืดหยุ่นและสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศและการให้บริการเชิงนิเวศ จะเป็นการช่วยบรรเทาปัญหาและปรับตัวต่อสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศในระยะยาว