การคัดแยกลิ้นจี่พรีเมียมแบบไม่ทำลายด้วยเนียร์อินฟราเรดสเปกโตรสโคปี

Main Article Content

สาวินี สลับสี
ชญาณิศ ศรีงาม
สนธยา นุ่มท้วม
สุพรรณิกา อินต๊ะนนท์
เสาวลักษณ์ รุ่งแจ้ง

บทคัดย่อ

งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการคัดแยกลิ้นจี่แบบรวดเร็วด้วยเทคนิค
เนียร์อินฟราเรดสเปกโตรสโคปี ดำเนินการศึกษาโดยใช้ลิ้นจี่สายพันธุ์ป้าชิดเพื่อทำการคัดแยกลิ้นจี่พรีเมียมที่มี
เมล็ดลีบเนื้อหนา (พรีเมียม) ออกจากลิ้นจี่เมล็ดขนาดปกติด้วยวิธีการวิเคราะห์องค์ประกอบหลัก พร้อมทั้งสร้างสมการการทำนายปริมาณของแข็งทั้งหมดที่ละลายน้ำได้ (Total soluble solid; TSS) และปริมาณกรดที่ไทเทรตได้ (Titratable acidity; TA) ด้วยวิธี Partial least square (PLS) regression นำตัวอย่างผลลิ้นจี่มาวัดค่าการดูดกลืนแสงเนียร์อินฟราเรดที่ช่วงเลขคลื่น 12000 – 4000 cm-1 ด้วยโหมดสะท้อนกลับ วัดสเปกตรัมผลลิ้นจี่ 3 ตำแหน่ง คือ ขั้วผล แก้มผลและท้ายผล ผลการทดลองพบว่า วิธีการวิเคราะห์องค์ประกอบหลักสามารถแยกกลุ่มลิ้นจี่พรีเมียมออกจากลิ้นจี่ทั่วไปได้ โดยสเปกตรัมตรงตำแหน่งแก้มผลมีประสิทธิภาพใน
การคัดแยกเกรดลิ้นจี่ได้ดีกว่าตำแหน่งขั้วผลและตำแหน่งท้ายผล ให้ความแม่นยำในการคัดแยกสูงสุดเท่ากับ 96.78% สำหรับประสิทธิภาพในการทำนายค่า TSS และ TA ในผลลิ้นจี่ พบว่า ให้ผลเป็นที่น่าพึงพอใจโดยแบบจำลองที่ดีที่สุดสำหรับการทำนาย TSS และ TA ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ (R) มากกว่า 0.90 และค่าความคลาดเคลื่อนจากการทำนาย (RMSECV) เท่ากับ 0.351 °Brix และ 0.038% ตามลำดับ ดังนั้น เทคนิคเนียร์อินฟราเรดสเปกโตรสโคปีจึงมีความเป็นไปได้ในการคัดแยกลิ้นจี่เกรดพรีเมียม รวมทั้งการตรวจสอบค่า TSS และ TA ของลิ้นจี่แบบรวดเร็วและไม่ทำลายตัวอย่างได้

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
สลับสี ส. ., ศรีงาม ช. ., นุ่มท้วม ส. ., อินต๊ะนนท์ ส. ., & รุ่งแจ้ง เ. . (2024). การคัดแยกลิ้นจี่พรีเมียมแบบไม่ทำลายด้วยเนียร์อินฟราเรดสเปกโตรสโคปี. วารสารเกษตรนเรศวร, 21(1), e0210104. สืบค้น จาก https://li01.tci-thaijo.org/index.php/aginujournal/article/view/261998
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

กรมวิชาการเกษตร. (2565). รายงานสถานการณ์การส่งออกผลไม้สดจากไทยไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีน.

กรมวิชาการเกษตร.

นิธิยา รัตนาปนนท์ และดนัย บุณยเกียรติ. (2543). การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพและเคมีระหว่างการเก็บ

รักษาผลลิ้นจี่ที่รมด้วยก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์. วารสารวิทยาศาสตร์การเกษตร, 31(1-6), 13-24.

อาทิตย์ จันทร์หิรัญ, วารุณี ธนะแพสย์ ศุมาพร เกษมสำราญ และจิราพร อนุสรณ์วงศ์ชัย. (2553). การใช้

เทคนิคแสงย่านใกล้อินฟราเรดสำหรับการหาปริมาณของแข็งที่ละลายน้ำได้ในผลลิ้นจี่. ใน การ ประชุมวิชาการประจำปี 2553 ครั้งที่ 8 (น. 127-134). มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.

AOAC International. (2000). Titratable Acidity. In Official Methods of Analysis of AOAC

International (17th eds). AOAC International.

Bruker. (n.d.). Matrix-F FT-NIR Spectroscopy Instrument Bremen. Bruker.

Li, J., Wu, J., Lin, J., Li, C., Lu, H., & Lin, C. (2022). Nondestructive identification of litchi downy blight at different stages based on spectroscopy analysis. Agriculture, 12(3), 402. https://doi.org/10.3390/agriculture12030402

Osborne, B. G., Fearn, T., & Hindle, P. H. (1993). Practice NIR Spectrometer with applications in food and beverage analysis (2nd ed.). Longman Scientific and Technical.

Padda, S., Shah, P., & Prajapati, M. (2011). Quality characteristics of litchi (Litchi chinensis

Sonn.) fruits from different locations of Gujarat, India. International Journal of Food Science and Technology, 46(7), 1689-1694.

Pu, H., Liu, D., Wang, L., & Sun, D. W. (2015). Soluble solids content and pH prediction and

maturity discrimination of Lychee fruits using visible and near infrared hyperspectral imaging. Food Analytical Methods, 9(1), 235–244. doi:10.1007/s12161-015-0186-7

Sonthiya, K., Seehanam, P., Theanjumpol, P. & Maniwara, P. (2565). Detection of Anthracnose

disease in 'Namdokmai Sithong' mango using Near Infrared Spectroscopy. Journal of Agriculture, 38(2), 237-248.

Teena, M. A., Manickavasagan, A., Ravikanth, L. & Jayas, D. S. (2014). Near infrared (NIR)

hyperspectral imaging to classify fungal infected date fruits. Journal of Stored Products Research, 59, 306-313.

Wang, Y., Chen, Y., Zhang, Y. & Liu, J. (2019). Principal component analysis of chemical composition of mandarin orange (Citrus reticulata Blanco) based on different cutting parts. Food Science & Nutrition, 7(10), 4135-4144.