แนวทางการพัฒนาสมรรถนะของผู้ทำบัญชีธุรกิจ SMEs ตามมาตรฐานการศึกษาระหว่างประเทศ
คำสำคัญ:
แนวทางการพัฒนา, มาตรฐานการศึกษาระหว่างประเทศ, สมรรถนะของผู้ทำบัญชีธุรกิจ SMEsบทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาระดับสมรรถนะและระดับประสิทธิภาพในการทำงานของผู้ทำบัญชีธุรกิจ SMEs 2) เพื่อศึกษาแนวทางการพัฒนาสมรรถนะของผู้ทำบัญชีธุรกิจ SMEs ตามมาตรฐานการศึกษาระหว่างประเทศ 3) ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างสมรรถนะของผู้ทำบัญชีกับประสิทธิภาพในการทำงาน กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้ทำบัญชีธุรกิจ SMEs ในเขตกรุงเทพฯ ที่มีตำแหน่งงานตั้งแต่ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายบัญชีขึ้นไปจำนวน 400 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยมี 2 ส่วน ส่วนที่ 1 เป็นแบบสอบถาม โดยนำข้อมูลมาวิเคราะห์ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน ด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ส่วนที่ 2 เป็นการสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth Interviews) ผู้ทำบัญชีในเขตกรุงเทพฯ และผู้ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ผู้ประกอบการธุรกิจ SMEs หัวหน้าสำนักงาน ผู้จัดการสำนักงาน โดยจะสัมภาษณ์ความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางการพัฒนาสมรรถนะของผู้ทำบัญชีตามแนวมาตรฐานการบัญชีระหว่างประเทศ โดยการสัมภาษณ์แบบเจาะลึก จำนวน 20 คน โดยการจับฉลากแบ่งเขต 6 เขต เลือกตามสัดส่วนของประชากร
ผลการวิจัย พบว่า สมรรถนะตามมาตรฐานการศึกษาระหว่างประเทศของผู้ทำบัญชีธุรกิจ SMEs โดยรวมอยู่ในระดับมาก ด้านคุณลักษณะ ด้านทักษะ ด้านความรู้ ตามลำดับ ประสิทธิภาพในการทำงานของผู้ทำบัญชีธุรกิจ SMEs โดยรวมอยู่ในระดับมาก มีแนวทางการพัฒนาสมรรถนะของผู้ทำบัญชีธุรกิจ SMEs ตามมาตรฐานการศึกษาระหว่างประเทศ ในด้านความรู้ ทักษะ และนำพาไปสู่ความสำเร็จในอาชีพของตนเอง ผลการทดสอบสมมติฐาน พบว่า สมรรถนะของผู้ทำบัญชีตามมาตรฐานการศึกษาระหว่างประเทศกับประสิทธิภาพในการทำงาน มีความสัมพันธ์ไปในทิศทางเดียวกันอยู่ในระดับค่อนข้างสูง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
References
เบญจวรรณ ตรากิจธรกุล. (2552). คุณภาพของสารสนเทศทางบัญชีที่มีต่อประสิทธิภาพในการทำงานของนักบัญชีและประเมินประสิทธิภาพการทำงานของนักบัญชี (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี, ปทุมธานี.
ปภาวี สุขมณี และฉัตรรัชดา วิโรจน์รัตน์. (2554). ความรู้ความสามารถของนักบัญชีที่มีต่อประสิทธิผลการทำงานของนักบัญชีธุรกิจ SMEs ในจังหวัดกาฬสินธุ์. (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน, กาฬสินธุ์.
พวงรัตน์ ทวีรัตน์. (2543). วิธีการวิจัยทางพฤติกรรมศาสตร์และสังคมศาสตร์. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
สภาวิชาชีพบัญชี. (2550). เอกสารประกอบการสัมมนา. มาตรฐานการศึกษาระหว่างประเทศสำหรับผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี ฉบับที่ 2 เรื่อง เนื้อหาของโปรแกรมการศึกษาทางวิชาชีพบัญชี. กรุงเทพฯ: สภาวิชาชีพบัญชี ในพระบรมราชูปถัมภ์.
สภาวิชาชีพบัญชี. (2550). เอกสารประกอบการสัมมนา. มาตรฐานการศึกษาระหว่างประเทศสำหรับผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี ฉบับที่ 3 เรื่อง ทักษะทางวิชาชีพ, กรุงเทพฯ: สภาวิชาชีพบัญชี ในพระบรมราชูปถัมภ์.
สำนักกำกับดูแลธุรกิจ กระทรวงพาณิชย์. (2558). กรมพัฒนาธุรกิจการค้า. สืบค้นจาก www.dbd.go.th/trang/ewt_dl_link.php?nid=76.
สุชญา รังสฤษติกุล. (2551). สมรรถนะของผู้ปฏิบัติงานในฝ่ายบัญชี ตามทัศนะของหัวหน้างานบัญชีและผู้ปฏิบัติงานบัญชี ของสถานประกอบการ (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์, กรุงเทพฯ.
สุวรรณ หวังเจริญเดช. (2548). ผลกระทบของความรู้ความสามารถของนักบัญชีที่มีต่อคุณลักษณะบรรษัทภิบาลของธุรกิจ SMEs ในเขตภาคใต้ (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, มหาสารคาม.
อติภา พลเรืองทอง. (2551). ความสัมพันธ์ระหว่างความสามารถทางการปฏิบัติงานและประสิทธิภาพการทำงานของนักบัญชีธุรกิจที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนประเภทกิจการสาธารณูปโภค (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, มหาสารคาม.
Best, J.W., & Kahn, J.V. (1993). Research in Education. (7th ed.). Boston: Allyn and Bacon.
Cohen, J. (1980). Power analysis for the behavioral sciences (2nd Edition). New Jersey: Erlbaum.
Cronbach, L. J. (1990). Essentials of psychological testing (5th ed.). New York: Harper Collins. Publishers.
Internation Accounting Standards Committee (IASC). (2001). Research in Education. Retrievedfrom https://www.iasplus.com/en/resources/ifrsf/history/resources25Best.
Taro Yamane. (1973). Statistics: An Introduction Analysis. (3rd ed.). New York: Harper and Row Publications.
Downloads
เผยแพร่แล้ว
How to Cite
ฉบับ
บท
License
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของมหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยราชภัฎจันทรเกษม และคณาจารย์ท่านอื่นๆในมหาวิทยาลัยฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว