ผลของการจัดการพฤติกรรมองค์การที่มีต่อความเครียดในการทำงานในภาวการณ์โควิด-19 ของพนักงานบริษัทในกรุงเทพมหานคร
คำสำคัญ:
ความเครียดของพนักงาน, โควิด-19, พฤติกรรมองค์การบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาและเปรียบเทียบระดับความเครียดของ พนักงานบริษัทในเขตกรุงเทพมหานครในภาวการณ์โควิด-19 ตามปัจจัยส่วนบุคคล 2) ศึกษา ระดับการจัดการพฤติกรรมองค์การของบริษัทในเขตกรุงเทพมหานคร และ 3) ศึกษาผลของการจัดการ พฤติกรรมองค์การที่มีต่อความเครียดของพนักงานบริษัทในเขตกรุงเทพมหานคร ในภาวการณ์ โควิด-19 ประชากรที่ศึกษาคือ พนักงานบริษัทต่าง ๆ ในเขตกรุงเทพมหานคร กำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างโดยใช้สูตรกรณีไม่ทราบจำนวนประชากรที่แน่นอนของ Cochran โดยกำหนดระดับ ค่าความเชื่อมั่นร้อยละ 95 ขนาดของกลุ่มตัวอย่างที่คณะผู้วิจัยใช้ คือ 400 เครื่องมือที่ใช้ใน การเก็บรวบรวมข้อมูลคือแบบสอบถามแบบประมาณค่าของ Likert ที่มีค่าความเชื่อมั่น .634 การวิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติพื้นฐาน ได้แก่ ค่าความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติเชิงอนุมาน ได้แก่ การทดสอบค่าที การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว และการวิเคราะห์ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์เชิงพหุ
ผลการวิจัยพบว่า 1) ความเครียดของพนักงานบริษัทในเขตกรุงเทพมหานครในภาวการณ์ โควิด-19 อยู่ในระดับปานกลาง (M = 2.80) และ แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ในด้านอายุ ตำแหน่งงาน อายุงานและรายได้เฉลี่ยต่อเดือน โดยระดับความเครียดของเพศชาย สูงกว่าเพศหญิงโดยเฉพาะอย่างยิ่งในแผนกการเงิน/บัญชี การขายการตลาดและ IT และพบระดับ ความเครียดที่สูงกว่าของกลุ่มตำแหน่งหัวหน้างาน/ผู้บริหารระดับต้น กลุ่มอายุงาน 2-4 ปี และ พบว่าแผนกการเงิน/บัญชี การขายการตลาดและทรัพยากรมนุษย์มีระดับความเครียดสูงกว่า แผนกอื่น ๆ 2) การจัดการพฤติกรรมองค์การโดยรวมอยู่ในระดับพอใช้ (M = 3.21) 3) การจัดการ พฤติกรรมองค์การมีผลเชิงลบต่อความเครียดของพนักงาน และมีอำนาจพยากรณ์ ร้อยละ 33.4
References
กรมสุขภาพจิต. (2541). คู่มือคลายเครียด (พิมพ์ครั้งที่ 6). กรุงเทพฯ: ดีไซน์คอนดักชั่น.
ธนาคารโลก. (2563). รายงานผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19. สืบค้นเมื่อ 15 พฤศจิกายน 2563, จาก www.news.thaipbs.or.th/content/293470
ธนาคารแห่งประเทศไทย (2563). รายงานนโยบายการเงินเดือนกันยายน 2563. สืบค้นเมื่อ 10 พฤศจิกายน 2563, จาก www.bot.or.th/thai/MonetaryPolicy/MonetaryPolicyCommitee/MPR/Pages/default.aspx
ธำรงศักดิ์ คงคาสวัสดิ์. (2563). การบริหารบุคคลยุค New Normal คอลัมน์ เอช อาร์. สืบค้นเมื่อ 10 พฤศจิกายน 2563, จาก www.prachachat.net/cs-hr/news/467738
ลักขณา สริวัฒน์. (2561). การศึกษาพฤติกรรมองค์การ. วารสารบริหารและนิเทศการศึกษา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, 9(2), 7-15.
ลัดดาวัลย์ เพชรโรจน์ และอัจฉรา ชำนิประศาสน์. (2545). ระเบียบวิธีการวิจัย. กรุงเทพฯ: ม.ม.พ.
ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19. (2563). ข้อมูลผู้ติดเชื้อโควิด-19. สืบค้นเมื่อ 10 พฤศจิกายน 2563, จาก www.thebangkokinsight.com/489892/
สุธา พงศ์ถาวรภิญโญ และประสพชัย พสุนนท์. (2558). ปัจจัยที่ส่งผลต่อความเครียดของพนักงานโรงงานอุตสาหกรรมผลิตตัวเก็บประจุไฟฟ้าโทรศัพท์มือถือ. วารสารจันทรเกษมสาร, 21(41), 125-134.
สุรชัย ทุหมัด และวิโรจน์ เจษฎาลักษณ์. (2561). ความเครียดและผลกระทบต่อการปฏิบัติงานในหน่วยงานด้านศิลปวัฒนธรรมของมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ. วารสารสถาบันวัฒนธรรมและศิลปะ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, 19(2), 151-165.
Cochran W.G. (1977). Sampling Techniques. (2nd ed.). New York, Wiley.
DeFrank, R.S. & Ivancevich, J.M. (1998). Stress on the job: An executive update. Academy of Management Executive, 12(3), 55-66.
Ivancevich, J. M. & Matteson, M T. (1980). Stress and work: A managerial perspective. Glenview, IL: Scott, Foreman.
Kreitner, R. & Kinicki, A. (2001). Organizational behavior (5thed). McGraw-hill. Co. Inc.
Narayan, L., Menon, S. & Spector, P. E. (1999). Stress in workplace: A comparison of gender and occupation. Journal of Organizational Behavior, 20(1), 63-73.
Downloads
เผยแพร่แล้ว
How to Cite
ฉบับ
บท
License
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของมหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยราชภัฎจันทรเกษม และคณาจารย์ท่านอื่นๆในมหาวิทยาลัยฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว