มาตรการกฎหมายในการควบคุมการสูบบุหรี่ในสถานศึกษา
คำสำคัญ:
มาตรการกฎหมาย, การควบคุมการสูบบุหรี่, สถานศึกษา,บทคัดย่อ
งานวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาความคิดเห็นของผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องการสูบบุหรี่ในสถานศึกษา 2) ศึกษาปัญหามาตรการทางกฎหมายในการควบคุมการสูบบุหรี่ในสถานศึกษา 3) ศึกษาแนวทางข้อเสนอแนะในการปรับปรุงมาตรการทางกฎหมายเกี่ยวกับการสูบบุหรี่ในสถานศึกษา โดยใช้เทคนิคการวิจัยแบบผสมผสาน (mixed methods research) โดยการวิจัยเอกสาร (documentary research) และเก็บข้อมูลภาคสนามด้วยแบบสอบถามมีค่าความเชื่อมั่น 0.75 จากกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 206 คน และการสัมภาษณ์ผู้บริหารมหาวิทยาลัยจำนวน 3 คน วิเคราะห์ข้อมูล โดยใช้ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์เชิงเนื้อหา
ผลการวิจัยพบว่า นักศึกษามีความคิดเห็นเกี่ยวกับความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสารพิษในควันบุหรี่และโรคที่เกิดจากการสูบบุหรี่มากที่สุด แต่มีความรู้กฎหมายคุ้มครองสุขภาพของผู้ไม่สูบบุหรี่ปานกลาง เมื่อศึกษาถึงปัญหามาตรการทางกฎหมายในการควบคุมการสูบบุหรี่ในสถานศึกษาพบว่าบุคลากรและนักศึกษายังขาดความรู้ความเข้าใจกฎระเบียบเกี่ยวกับการควบคุมการสูบบุหรี่ แม้ว่ามหาวิทยาลัยบางแห่งประกาศ เป็นเขตปลอดบุหรี่หรือติดป้ายห้ามสูบบุหรี่ในอาคารก็ตาม ยังมีการฝ่าฝืนเป็นจำนวนมาก อีกทั้งมหาวิทยาลัยมีพื้นที่กว้างขวางทำให้ยากลำบากแก่การควบคุมดูแลและไม่มีกำลังคนในการดูแล เพราะอธิการบดีหรือรองอธิการบดีไม่มีอำนาจในการแต่งตั้งผู้ช่วยพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ไม่สูบบุหรี่ พ.ศ.2535 เพื่อตรวจสอบหรือควบคุมการสูบบุหรี่ในมหาวิทยาลัย ดังนั้น ควรแก้ไขประกาศกระทรวงสาธารณสุขกำหนดให้มหาวิทยาลัยเป็นเขตปลอดบุหรี่และให้อำนาจอธิการบดีหรือรองอธิการบดีมีอำนาจในการแต่งตั้งผู้ช่วยพนักงานเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติหน้าที่และให้อธิการบดีมีอำนาจในการออกบัตรประจำตัวผู้ช่วยพนักงานเจ้าหน้าที่ด้วย เพื่อให้มีอำนาจในการบังคับใช้กฎหมายต่อไป ดังนั้นแนวทางในการปรับปรุงมาตรการทางกฎหมาย คือ มหาวิทยาลัยควรขอความร่วมมือกับอาจารย์และเจ้าหน้าที่ให้ช่วยเหลือแนะนำหรือกระตุ้นการปลูกจิตสำนึกในการงดสูบบุหรี่แก่นักศึกษาและกำหนดบทลงโทษแก่ผู้ฝ่าฝืนให้มีความชัดเจนและเป็นรูปธรรม
Downloads
How to Cite
ฉบับ
บท
License
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของมหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยราชภัฎจันทรเกษม และคณาจารย์ท่านอื่นๆในมหาวิทยาลัยฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว