การพัฒนาทักษะการฟังและการพูด โดยใช้ชุดการสอนตามแนวการสอนแบบสื่อสาร ในรายวิชาภาษาอังกฤษสำหรับครู คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม
คำสำคัญ:
ชุดการสอน การสอนแบบสื่อสาร ภาษาอังกฤษสำหรับครูบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาชุดการสอนตามแนวการสอนแบบสื่อสาร ในรายวิชาภาษาอังกฤษสำหรับครูให้ได้ประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลัง จากการใช้ชุดการสอนตามแนวการสอนแบบสื่อสารในรายวิชาภาษาอังกฤษสำหรับครู 3) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักศึกษาที่ได้รับ การจัดการเรียนรู้โดยใช้ชุดการสอนตามแนวการสอนแบบสื่อสาร ในรายวิชาภาษาอังกฤษสำหรับครูกับการสอนแบบปกติ และ 4) ประเมินความพึงพอใจในการเรียนรู้ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ คือ นักศึกษาคณะศึกษาศาสตร์ ที่ลงทะเบียนเรียน ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2557 โดยการจับสลากจำนวน 2 ห้องเรียน จาก 4 ห้องเรียน ใช้การสุ่มตัวอย่างแบบจัดกลุ่มตามลำดับชั้น (Cluster random sampling) แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม 1) กลุ่มทดลอง คือ กลุ่มนักศึกษาที่ใช้ชุดการเรียน จำนวน 30 คน 2) กลุ่มควบคุม คือ กลุ่มนักศึกษาที่ใช้วิธีการสอนปกติจำนวน 30 คน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลใช้ Paired t-test และ Independent t-test
ผลการวิจัยพบว่า 1) ประสิทธิภาพของชุดการสอนตามแนวการสอนแบบสื่อสารในรายวิชาภาษาอังกฤษสำหรับครู มีประสิทธิภาพ 81.20/81.70 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนดไว้ 80/80 2) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักศึกษาที่ได้เรียนรู้โดยใช้ชุดการสอนตามแนวการสอนแบบสื่อสารในรายวิชาภาษาอังกฤษสำหรับครู มีค่าเฉลี่ยสูงกว่าผลสัมฤทธิ์ก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 3) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักศึกษาที่ได้รับการจัดการเรียนการสอนโดยใช้ชุดการสอนตามแนวการสอนแบบสื่อสาร สูงกว่านักศึกษาที่ได้รับการจัดการเรียนการสอนแบบปกติอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และ 4) ผลการประเมินความพึงพอใจของนักศึกษาที่ได้รับการจัดการเรียนรู้โดยใช้ชุดการสอนตามแนวการสอนแบบสื่อสารโดยรวมอยู่ที่ 4.36 (SD. = 0.70) มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากDownloads
How to Cite
ฉบับ
บท
License
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของมหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยราชภัฎจันทรเกษม และคณาจารย์ท่านอื่นๆในมหาวิทยาลัยฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว