ศักยภาพการเลี้ยงขุนโคนมเพศผู้ในประเทศไทย

บทคัดย่อ

การบริโภคเนื้อโคทั่วโลกมีปริมาณเพิ่มขึ้นทำให้การส่งออกโคเนื้อมีชีวิตของประเทศไทยเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการผลิตเนื้อโคเนื่องจากจำนวนโคเนื้อมีชีวิตขาดแคลน การนำโคนมเพศผู้มาเลี้ยงขุนเพื่อผลิตเนื้อคุณภาพจึงเป็นกลยุทธ์ในการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่กำลังเพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ตามการเลี้ยงขุนโคนมเพศผู้มีหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อการเติบโตและคุณภาพซาก โดยโคโฮลสไตน์ฟรีเชียนเป็นพันธุ์โคนมขนาดใหญ่ที่สุดและเป็นพันธุ์ที่นิยมเลี้ยง และโคลูกผสมระหว่างโฮลสไตน์ฟรีเชียนกับโคเนื้อสายพันธุ์ต่างๆ จะมีอัตราการเจริญเติบโตและคุณภาพซากสูงกว่าโคนมพันธุ์อื่นๆ ซึ่งโคนมเพศผู้สามารถเข้าสู่โปรแกรมการขุนได้ตั้งแต่น้ำหนักประมาณ 68-114 กิโลกรัม และการเลี้ยงขุนโคเพศผู้ไม่ตอนด้วยหญ้าเป็นหลักจะเป็นแนวทางการผลิตเนื้อแดง ซึ่งการตอนจะทำให้โคมีไขมันแทรกในเนื้อสูงขึ้น และการตอนเมื่ออายุ 1 ปีขึ้นไปจะทำให้มีน้ำหนักซากและอัตราการเจริญเติบโตสูงกว่าการตอนก่อนถึงวัยหนุ่มสาว การเลี้ยงขุนด้วยอาหารข้นพลังงานสูงอย่างต่อเนื่องจะทำให้โคมีอัตราการเจริญเติบโตได้เฉลี่ย 1.27 กิโลกรัม/วัน ซึ่งใช้เวลาเลี้ยงประมาณ 345 วัน โดยการจำกัดการกินวิตามินเอในอาหารช่วงการเลี้ยงขุนอย่างน้อย 217 วันก่อนฆ่าและอายุโคาเลี้ยงขุนพื่อผลิตเนื้อที่มีไขมันแทรดไขมันที่ดีต่อสุขภาพเปเมื่อฆ่าไม่ต่ำกว่า 3 ปี จะเป็นแนวทางเพิ่มไขมันแทรกในเนื้อให้สูงขึ้น สำหรับการเลี้ยงขุนด้วยหญ้าสดเป็นหลักหรือการเสริมเมล็ดพืชน้ำมัน จะทำให้เนื้อโคมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวและมีกรดไขมันกรดไขมันคอนจูเกตลิโนเลอิกสูงขึ้น และน้ำหนักโคมีชีวิตเมื่อฆ่าประมาณ 455 – 636 กิโลกรัม หรือน้ำหนักซากประมาณ 273 – 432 กิโลกรัม จะเป็นที่ต้องการของตลาด ดังนั้นการเลี้ยงขุนโคนมเพศผู้จะเป็นการเพิ่มผลผลิตเนื้อโคสู่ตลาดและเป็นการเพิ่มมูลค่าของโคนมเพศผู้ให้สูงขึ้น