การพัฒนาชุดฝึกอบรมระบบควบคุมทางกลสำหรับการสอนนักศึกษา เทคโนโลยีอุตสาหกรรม
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อสร้างและหาประสิทธิภาพของชุดฝึกอบรมระบบควบคุมทางกลแบบอัตโนมัติสำหรับการสอนนักศึกษาเทคโนโลยีอุตสาหกรรม เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนที่มีต่อชุดฝึกอบรมระบบควบคุมทางกลแบบอัตโนมัติสำหรับการสอนนักศึกษาเทคโนโลยีอุตสาหกรรม และเพื่อศึกษาความพึงพอใจของผู้เรียนที่มีต่อชุดฝึกอบรมระบบควบคุมทางกลแบบอัตโนมัติสำหรับการสอนนักศึกษาเทคโนโลยีอุตสาหกรรม ระเบียบวิธีวิจัยเป็นแบบการวิจัยเชิงวิจัยและพัฒนา กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ นักศึกษาหลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต ชั้นปีที่ 3 สาขาเทคโนโลยีเครื่องกล คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช ปีการศึกษา 2/2557 จำนวน 30 คน ด้วยการสุ่มแบบเป็นระบบ ด้วยการทดสอบใช้ชุดฝึกอบรม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ประกอบด้วย 1) ชุดฝึกอบรมที่สร้างขึ้น 2) แบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน และ 3) ใบงาน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณ ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติทดสอบแบบที ผลการวิจัยพบว่า ประสิทธิภาพของชุดฝึกอบรมระบบควบคุมทางกลแบบมวล-ตัวหน่วง-สปริง ที่สร้างขึ้นมีค่าเท่ากับ 88.53/81.11 ซึ่งมีค่าสูงกว่าเกณฑ์ 80/80 ที่กำหนดไว้ คะแนนวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังเรียนด้วยชุดฝึกอบรมระบบควบคุมทางกลแบบมวล-ตัวหน่วง-สปริง มีคะแนนเฉลี่ยแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และความพึงพอใจของผู้เรียนที่มีต่อชุดฝึกอบรมระบบควบคุมทางกลแบบอัตโนมัติสำหรับการสอนนักศึกษาเทคโนโลยีอุตสาหกรรมมีค่าเฉลี่ยรวม 4.79 อยู่ในระดับพึงพอใจมากที่สุด
Article Details
เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสารวิชชา มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช ถือเป็นข้อคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรง ซึ่งกองบรรณาธิการวารสารไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือร่วมรับผิดชอบใด ๆ
บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารวิชชา มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช ถือเป็นลิขสิทธ์ของวารสารวิชชา มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำข้อมูลทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อการกระทำการใด ๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากวารสารวิชชา มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราชก่อนเท่านั้น
The content and information in the article published in Wichcha journal Nakhon Si Thammarat Rajabhat University, It is the opinion and responsibility of the author of the article. The editorial journals do not need to agree. Or share any responsibility.
เอกสารอ้างอิง
วิทวัส ดวงภุมเมศ และวารีรัตน์ แก้วอุไร. (2560). การจัดการเรียนรู้ในยุคไทยแลนด์ 4.0 ด้วยการเรียนรู้อย่างกระตือรือร้น. วารสารมนุษย์ศาสตร์และสังคมศาสตร์ บัณฑิตวิทยาลัยมหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 11(2), 1-13.
วีระยุทธ สุดสมบูรณ์ และบุญส่ง เหมวัฒน์. (2555). The Development of Automotive Mechatronic Systems Training Strategy for Enhancing Problem Solving Skills within Current Situation. วารสารมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (สาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี), 4(8), 51-69.
สุรัตน์ ธัญญะภูมิ และกฤษณะ ศรีมาวรรณ์. (2552). การสร้างชุดสาธิตการควบคุมระดับน้ำด้วยวิธีการควบคุมแบบพีไอดีและฟัซซี โดยใช้โปรแกรม LabVIEW. ปริญญานิพนธ์ครุศาสตร์อุตสาหกรรมบัณฑิต. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ, กรุงเทพฯ.
Fraenkel, J.R. (1993). How to Design and Evaluate Research in Education. Singapore: McGraw-Hill Inc.
Nise, N.S. (2000). Control Systems Engineering. (3rd ed). New York: John Wiley & Sons.
Ogata, K. (2004). System dynamics. Upper Saddle River. NJ: Pearson Prentice Hall.
Rowell, D. and Wormley, D. N. (1998). System Dynamics: An Introduction. New Jersey: Prentice Hall.
Sudsomboon, W. (2011). Effects of a Computer-Based Concept-Mapping: The Learning Innovation in Industrial Education. Technical Education Journal of King Mongkut’s University of Technology North Bangkok, 2(2), 11-19.
Sudsomboon, W. (2013). Applying Case-Based Reasoning to Teach Analysis of Non-Holonomic Mechanical Systems. In the 3rd International Conference on Sciences and Social Sciences (ICSSS 2013). July 18-19. Rajabhat Maha Sarakham University, Maha Sarakham, Thailand. 17-25.
Sudsomboon, W. and Maungmungkun, T. (2013). Integrating Case-Based Reasoning
Approach in an Undergraduate Industrial Technology Research Course. In the 6th International Conference on Educational Reform (ICER 2013). February 23-24. Sokha Angkor Resort. Siem Reap. Cambodia. 220-226.