ไม้ผลไทยกับการเป็นครัวของโลก
ผลงานวิจัยตีพิมพ์ในวารสารเกษตรฉบับนี้ จะมีผลงานเกี่ยวกับไม้ผลอยู่หลายเรื่อง ทำให้นึกถึงทิศทางการวิจัยไม้ผลในอนาคต ที่เรานักวิจัยควรทราบ จึงใคร่ขอถือโอกาสนี้กล่าวถึงทิศทางและกลยุทธ์การวิจัยที่สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติได้ตั้งคณะทำงานศึกษา และได้รายงานไว้ใน “บทสรุป สถานภาพและการจัดลำดับความสำคัญของโครงการวิจัยแห่งชาติด้านการเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร” ซึ่งจัดพิมพ์และเผยแพร่ในปี พ.ศ. 2547 โดย คณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ สาขาเกษตรศาสตร์และชีววิทยา โดยขอสรุปเฉพาะ“ชุดโครงการวิจัยแห่งชาติเกี่ยวกับการพัฒนาไม้ผล” ดังนี้
ไม้ผล/ผลไม้ เป็นผลผลิตเกษตรที่มีคุณภาพทั้งในเชิงโภชนาการและสุขอนามัย และมีผลตอบแทนสูง (High Value Crop) การพัฒนาระบบอุตสาหกรรมไม้ผล/ผลไม้นั้นประกอบไปด้วย ส่วนการผลิตเป็นต้นทาง (Up-stream) ส่วนการตลาดและส่วนการแปรรูปเป็นกลางทาง (Mid-stream) และส่วนการบริโภคปลายทาง (Down-stream) ต้องพึ่งพาการวิจัยในการพัฒนาระบบอุตสาหกรรมที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลในทุกส่วนอย่างเป็นบูรณาการ โดยมีส่วนการบริโภคเป็นส่วนสำคัญ
จากการรวบรวมงานวิจัยไม้ผลระหว่างปี 2539-2545 มีโครงการวิจัยที่ได้ดำเนินงานโดยหน่วยงานต่างๆรวม 418 โครงการ โดยส่วนใหญ่เป็นโครงการวิจัยสาขาการผลิต สาขาการแปรรูป/การใช้ประโยชน์ และสาขาการจัดการหลังการเก็บเกี่ยว ส่วนการวิจัยสาขาการควบคุมการผลิตสาขาการตลาดและสาขาการบริโภคซึ่งเป็นปัญหาพื้นฐานของไม้ผลและเป็นส่วนสำคัญของระบบอุตสาหกรรมไม้ผล/ผลไม้ มีการวิจัยไม่มากนัก
ด้วยเหตุนี้ แนวทางการวิจัยไม้ผลในอนาคต จึงน่าจะเป็นการศึกษาต่อยอดองค์ความรู้ที่นักวิจัยในสาขาเหล่านี้ได้ดำเนินการอย่างประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี สามารถพัฒนาเทคนิคที่ทำให้เป็นที่ยอมรับจากทั้งเกษตรกรและในระดับนานาชาติ การพัฒนาไม้ผลของชาติจะต้องมุ่งสู่ “ระบบการผลิตเชิงอุตสาหกรรม” ที่มีความเชื่อมโยงระบบจากฟาร์มสู่โรงงาน สู่ตลาด โดยใช้ “ผู้บริโภค” ทั้งในประเทศและต่างประเทศเป็นเป้าหมายการพัฒนา การวิจัยแนวทางรวมกลุ่มผู้เกี่ยวข้องอย่างเป็นระบบเป็นสิ่งจำเป็น
ถ้าเราเห็นด้วย โจทย์วิจัยของเราน่าจะมุ่งให้เกิดสิ่งเหล่านี้พร้อม ๆ กัน คือ 1) มีปริมาณผลผลิตมากและสม่ำเสมอตลอดปี 2) มีคุณภาพสูงตรงตามความต้องการของตลาด 3) ต้นทุนต่ำแข่งขันได้ 4) มีระบบจัดส่งและจำหน่ายถึงโรงงานหรือถึงผู้บริโภคตรงเวลา และ 5) มีระบบฐานข้อมูลเพื่อเตือนภัยและเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน รวมทั้งการต่อรองในระดับนานาชาติ เป็นต้น
เผยแพร่แล้ว: 2020-09-24